BTS-BEM วิ่งคึก! รับมาตรการ 20 บาทตลอดสาย “สุริยะ” เปิดลงทะเบียน​ 25 ส.ค.นี้

BTS-BEM วิ่งแรง รับข่าวดีมาตรการ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เปิดลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” 25 ส.ค.นี้ เริ่มใช้สิทธิ์ 1 ต.ค. ครอบคลุม 8 สาย 13 เส้นทาง รับอานิสงส์ผู้โดยสารเพิ่ม หนุนคนไทยเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะเท่าเทียม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ก.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:44 น. อยู่ที่ระดับ 3.60 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 5.88% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 3.62 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 3.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 279.88 ล้านบาท

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.45 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.87% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 5.50 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 5.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.97 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.เป็นต้นไป เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท (20 บาทตลอดสาย) ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ภายใต้เงื่อนไขว่า จะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย โดยจะต้องระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งบัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิการใช้มาตรการโดยอัตโนมัติ หากไม่ลงทะเบียน จะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติ

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า การลงทะเบียนดังกล่าว ระบบจะไม่ล่ม เนื่องจากจะใช้รูปแบบคล้ายกับการเปิดให้ลงทะเบียนนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่มีผู้ลงกว่า 18 ล้านคน แต่ระบบสามารถรองรับได้

นายสุริยะ ระบุว่า การลงทะเบียนใช้สิทธิมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ประชาชนทุกคนได้สิทธิ์อย่างเท่าเทียม และการลงทะเบียนไม่มีวันหมดอายุ โดยจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.68 เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 เป็นต้นไป ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ทั้งสิ้น 194 สถานี ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งมั่นใจว่า เมื่อเปิดใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20%

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การใช้บริการมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ในระยะแรกจะใช้รูปแบบบัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้ 4 สาย คือ สายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ตามเงื่อนไขธนาคารที่เข้าร่วมให้บริการที่กำหนด สามารถใช้บริการได้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (ARL)

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น หากประชาชนผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าข้ามสาย จะต้องถือบัตร 2 ใบ แต่ชำระค่าโดยสารเพียง 20 บาทตลอดสายเท่านั้น ส่วนในระยะต่อไป จะนำเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมเข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบ อาทิ การสแกนจ่ายด้วย QR CODE สแกนจ่ายค่าโดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น

สำหรับมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย และกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดการเกิดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญด้วย

ด้าน นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมการพัฒนาระบบเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างกระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้หารือกับ กทม.เพื่อบูรณาการบริหารจัดการด้านการจราจร และจัดระบบขนส่งมวลชนที่เป็นฟีดเดอร์ (Feeder) เพื่อรองรับมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทาง เนื่องจากประเมินว่า รูปแบบการเดินทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเปลี่ยนไปเน้นระบบรางมากขึ้น ดังนั้น รถประจำทางขสมก. ซึ่งจะปรับใช้เป็นรถ EV นั้น การจัดเส้นทางต้องเหมาะสม และสอดคล้องกับรูปแบบการเดินทางในปัจจุบัน

“การประชุมครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคม และ กทม. เพื่อเป็นการนำร่องไว้เป็น Model โดยจะนำผลสำเร็จที่ได้จากการดำเนินการครั้งนี้ ไปประยุกต์ใช้กับเมืองใหญ่อื่น ๆ ต่อไป”

แนวทางการร่วมมือ ประกอบด้วย ดังนี้

  1. ความร่วมมือระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ กทม. พัฒนาเส้นทางรถเมล์ใหม่ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง (ปี 2568 – 2569)

โดยจะศึกษาการปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทางใหม่ในเขตกรุงเทพฯ รวมถึงการกำหนดอัตราค่าโดยสาร แนวคิดการใช้ระบบตั๋วร่วม และแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสาร รวมทั้งรับทราบปัญหาและอุปสรรคสถานการณ์รถโดยสารสาธารณะที่ให้บริการในปัจจุบัน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูล สถิติ ปัญหา รูปแบบการเดินทาง และสภาพปัจจุบัน ก่อนนำไปวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรค และเส้นทางที่มีปัญหา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน ส.ค.68 ส่วนการวิเคราะห์เส้นทางรถโดยสารประจำทางใหม่ทั้งระบบในกรุงเทพฯ นั้น จะนำแนวเส้นทางของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ กทม. มาพิจารณาร่วมกัน คาดว่าจะได้ข้อเสนอแนวเส้นทางใหม่ภายในปลายเดือน ม.ค. 69

อีกทั้ง สนข.มีการศึกษารถเมล์เส้นทางใหม่ รวม 111 เส้นทาง ในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และไม่ทับซ้อนกับเส้นทางในแผนปฎิรูปรถเมล์  269 เส้นทาง เพื่อรองรับและเชื่อมต่อชุมชน หมู่บ้านที่เกิดใหม่ โดยมีเส้นทางในกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ประมาณ 30 เส้นทาง ซึ่งจะมีการประเมินความเหมาะสม และความต้องการพิจารณาให้เป็นฟีดเดอร์กับรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ด้วย

  1. การกำหนดจุดที่ตั้งป้ายรถโดยสารประจำทางให้สอดคล้องกับสถานีรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ กทม. อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีป้ายจอด 5,192 ป้าย โดยจะมีการบูรณาการร่วมกันในการบริหารจัดการ ผ่านคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดที่หยุดรถโดยสารในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ
  2. การบริหารจัดการวินรถจักรยานยนต์ โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะร่วมกับ กทม. ในการกำกับดูแลวินรถจักรยานยนต์ ทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ รวมทั้งในเรื่องใบขับขี่สาธารณะ และจะมีการหารือแนวทางในการนำแอปพลิเคชันมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งผู้ให้บริการและประชาชนผู้ใช้บริการ โดยให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
  3. การบูรณาการกล้องวงจรปิดของสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. เพื่อจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการจราจร และการปราบปรามรถสาธารณะที่กระทำผิด ภายใต้โครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรทั้งระบบ บนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (M-Road)
  4. การบริหารสัญญาเช่าพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร จะได้มีการหารือร่วมกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ กทม. ในการบริหารจัดการ รวมทั้งแนวทางการส่งคืนตลาดนัดจตุจักรให้ รฟท. ต่อไป

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า รูปแบบการเดินทางในกทม. มีรถไฟฟ้าเป็นเส้นเลือดหลัก และมีรถเมล์ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นเส้นเลือดฝอย โดยที่ผ่านมา กทม. มีบริการ BMA Feeder เดินรถ Shuttle Bus เพื่อผู้โดยสารเข้าสู่รถไฟฟ้า โดยเป็นการให้บริการฟรีเพื่อทดสอบความต้องการของตลาด หากมีปริมาณผู้โดยสารก็เปิดให้เอกชนเข้ามาทำการเดินรถต่อไป โดยจะเน้นเส้นทางที่มีความจำเป็น

ในส่วนรถจักรยานยนต์รับจ้าง ปัจจุบันมีประมาณ 5,000 วิน มีคนขับวินประมาณ 80,000 คน ซึ่ง กทม.มีคณะกรรมการแต่ละเขตกำกับดูแล มีฐานข้อมูลดิจิทับเก็บไว้ โดยจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม ในการกำกับดูแลทั้งเรื่องปริมาณและคุณภาพ เบื้องต้นมี 3,000 วิน ที่ตั้งอยู่บนฟุตบาธทางเท้า ซึ่งจะมีการบริหารจัดการเพื่อให้มีความเหมาะสมทางกายภาพของพื้นที่ และถนน โดยต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า

รวมถึงป้ายรถเมล์ มีทั้งเป็นของ กทม.และของหน่วยงานอื่น ซึ่งจะมีการหารือเพื่อดูตำแหน่งตั้งป้ายรถเมล์ที่เหมาะสม เพื่อเสริมให้การใช้บริการรถไฟฟ้าได้สะดวกไร้รอยต่อ และมีเทคโนโลยีบอกระยะเวลา สายรถเมล์ที่จะมาถึงป้าย โดยใช้ระบบ GPS เชื่อม นอกจากนี้ จะร่วมกับ ขบ. ในการกำกับดูแลรถแท็กซี่ การจอดรับในจุดต่าง ๆ กรณีไม่กดมิเตอร์ เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างเป็นธรรม

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรไม่ใช่ธุรกิจหลัก หรือกิจการที่ กทม.ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีการโอนให้กทม.ดูแล และบริหารสัญญาเช่าพื้นที่ช่วง คสช. ซึ่งจากนี้จะมีการหารือเพื่อโอนคืนให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด เพราะตลาดนัดจตุจักรเป็นอีกจุดที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศ

Back to top button