
“โอเปกพลัส” เพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน! โบรกชู PTTEP–TOP–SPRC เด่นน่าลงทุน
โบรกชี้ OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันต่อเนื่องอีก 548,000 บาร์เรลต่อวันใน เดือน ก.ย. พร้อมชูหุ้นเด่น แนะ “ซื้อ” PTTEP–TOP–SPRC
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร หรือ “โอเปกพลัส” เตรียมจัดการประชุมสำคัญในวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568 เพื่อหารือเรื่องการปรับกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนกันยายน โดยคาดว่าจะมีมติเพิ่มกำลังผลิต 548,000 บาร์เรลต่อวัน
แหล่งข่าวในวงการระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับความเห็นชอบจากชาติสมาชิก 8 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ซึ่งล้วนเป็นผู้ผลิตรายสำคัญที่ร่วมมือในกรอบโอเปกพลัส
ทั้งนี้ สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ได้จัดประชุมออนไลน์ร่วมกับ 8 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คูเวต คาซัคสถาน แอลจีเรีย และโอมาน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คงแผนการถอนการลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ (voluntary production cuts) ในเดือนกันยายน 2568 อีก 547,000 บาร์เรลต่อวัน (kbd) ซึ่งเท่ากับระดับในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ OPEC+ ได้ดำเนินการถอนแผน voluntary production cuts ทั้งหมดจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) ที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 แล้วเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม OPEC+ ยังคงเหลือแผน voluntary production cuts อีกจำนวน 1.65 mbd ที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566
ในอีกด้านหนึ่ง อินเดียได้ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนนโยบายการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แม้สหรัฐอเมริกาจะออกมาข่มขู่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยแหล่งข่าวจากรัฐบาลอินเดียระบุว่า อินเดียจะยังคงเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไปตามสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ พร้อมชี้ว่าการซื้อดังกล่าวช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในตลาดโลก และราคาน้ำมันที่ซื้อนั้นยังอยู่ต่ำกว่าระดับราคาสูงสุด (price cap) ที่กำหนดโดยสหภาพยุโรป อีกทั้งยังไม่ถูกคว่ำบาตรโดยตรงเหมือนน้ำมันจากอิหร่านและเวเนซุเอล่า
ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นยังคงมีความผันผวนสูง แม้ตลาดจะรับรู้แผนการถอน voluntary production cuts 2.2 mbd ของ OPEC+ ล่วงหน้าแล้ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 2.8% ปิดที่ระดับ 69.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทยังคงประมาณการราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยปี 2568 ที่ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับราคาเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ที่ 70.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล พร้อมยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน โดยมองว่าหุ้นต้นน้ำและกลุ่มโรงกลั่นจะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568
หุ้นเด่นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ดังนี้
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP โดยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 130.00 บาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC โดยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โดยคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท
โดย PTTEP คาดว่าจะได้แรงหนุนจากราคาขายน้ำมันเฉลี่ย (liquid ASP) ที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นอาจรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (stock gain) หากราคาน้ำมันยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง