PM วิ่ง 4% รับกำไร Q2 โต 55% แตะ 162 ล้านบาท รับรายได้เพิ่ม-ต้นทุนลด

PM บวก 4% รับกำไรไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น 55% แตะระดับ 162 ล้านบาท รับรายได้ขายและบริการเติบโต ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PM ณ เวลา 10:04 น. อยู่ที่ระดับ 11.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.42% สูงสุดที่ระดับ 11.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.13 ล้านบาท

 

โดยราคาหุ้น PM ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังรายงานกำไรไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 68 มีกำไรเติบโต ดังนี้

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและบริการสุทธิในงวดจำนวน 1,513.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 393.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 ซึ่งประกอบด้วย การขายในประเทศ มีจำนวน 754.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 48.9 ล้านบาท จากธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น 30.0 ล้านบาท ธุรกิจผลิตอาหารเพิ่มขึ้น 18.9 ล้านบาท จากธุรกิจกาแฟ การขายต่างประเทศ มีจำนวน 758.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 344.4 ล้านบาท จากธุรกิจผลิตของผลิตภัณฑ์อาหารแมว จำนวน 348.9 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคคลดลง 4.5 ล้านบาท

ด้านอัตรากำไรขั้นค้นอยู่ที่ร้อยละ 29.1 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.1 จากธุรกิจผลิตของผลิตภัณฑ์อาหารแมวที่มีต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

ส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายในงวดมีจำนวน 125.7 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 1.0 ล้านบาท อัตราต้นทุนในการจัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ร้อยละ 8.3 ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนในอัตราร้อยละ 3.0 เนื่องจากสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจผลิตอาหาร

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงวดมีจำนวน 140.4 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 9.1 ล้านบาทเนื่องจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.3 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายบริหารอื่นเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาทจากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบริหารอื่นลดลง 0.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงินในงวดมีจำนวน 19.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินเรื่องเครื่องมือทางการเงินประกอบด้วยกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศจำนวน 21.0 ล้านบาท และขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของหน่วยลงทุนในตราสารทุนจำนวน 1.4 ล้านบาท

ด้านภาษีนิติบุคคลในงวดมีจำนวน 44.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 30.3 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยแห่งหนึ่งใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI จากการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพครบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567

Back to top button