“ดาวโจนส์” ปิดบวก 200 จุด Nasdaq นิวไฮต่อเนื่อง Apple พุ่ง 4.2% นำทีมหุ้นเทค

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก ส่วน Nasdaq ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากแรงหนุนหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Apple พุ่งแรงสุดในรอบ 4 ปี หลัง “ทรัมป์” ประกาศลงทุนเพิ่ม 1 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนคาด “เฟด” ลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่สองติดต่อกัน จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Apple ที่ปรับขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,175.61 จุด เพิ่มขึ้น 206.97 จุด หรือ 0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,389.45 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด หรือ 0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,450.02 จุด เพิ่มขึ้น 207.32 จุด หรือ 0.98% ในรอบสัปดาห์ ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.3% S&P500 เพิ่มขึ้น 2.4% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.9% โดย Nasdaq ทำสถิติสูงสุดปิดตลาดเป็นครั้งที่ 18 ในปีนี้ เพิ่มขึ้นรวม 11% ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ S&P500 ปิดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านหุ้น Apple พุ่งขึ้น 4.2% ในวันศุกร์ และพุ่ง 13.3% ตลอดสัปดาห์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดตั้งแต่ปี 2563 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า Apple จะลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนรวมในช่วง 4 ปีข้างหน้าแตะ 6 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการสื่อสารในดัชนี S&P500 ต่างปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ส่วนหุ้น Gilead Sciences พุ่ง 8.3% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี ส่วนหุ้น Expedia บวก 4.1% จากการปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจองการเดินทางและรายได้ประจำปี

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจที่อ่อนแอล่าสุดช่วยหนุนความคาดหวังว่าการประชุมเฟดเดือนกันยายนจะมีการลดดอกเบี้ย โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่ามีโอกาส 89.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% เพิ่มขึ้นจาก 80.3% เมื่อสัปดาห์ก่อน และตลาดคาดว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ซึ่งมีจุดยืนสอดคล้องกับทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟดชั่วคราวแทนเอเดรียนา คูเกลอร์ที่ลาออก พร้อมลดรายชื่อผู้ที่จะมาแทนประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระ 15 พฤษภาคม 2569

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังรอติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคม ซึ่งจะประกาศในวันอังคารหน้า (12 ส.ค.) เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยและแนวโน้มตลาดหุ้น ขณะเดียวกันจับตาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินเดีย หลังอินเดียระงับการซื้ออาวุธและเครื่องบินจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเป็น 50% ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P500 กว่า 450 แห่งที่รายงานงบแล้ว คาดว่ากำไรไตรมาส 2 จะเติบโต 13.2% เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 5.8% เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม

Back to top button