AAV ปักธงครึ่งหลังปี 68 เพิ่มฝูงบิน 2 ลำ-เส้นทางใหม่ หนุนรายได้โตแกร่ง

AAV วางแผนครึ่งหลังปี 68 ขยายฝูงบินเพิ่มอีก 2 ลำ พร้อมเปิดเส้นทางบินใหม่ 3 จังหวัด สุรินทร์ นราธิวาสและสุราษฎร์ธานี รองรับดีมานด์เดินในประเทศ มองไตรมาส 4 เข้า High Season หนุนรายได้ฟื้นตัวชัดเจน พร้อมเน้นกลยุทธ์บริหาร Capacity เครือข่ายบินให้มีประสิทธิภาพ


นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน (Opportunity Day) จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ระบุว่า บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.83% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 84.07 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมของอยู่ที่ 11,349.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้ง บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมของบริษัท อยู่ที่ 10,657.80 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในไตรมาสนี้ และต้นทุนขายและการบริการ อยู่ที่ 9,737 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

พร้อมทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 3,504 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันอากาศยานลดลงมาอยู่ที่ 81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสนี้ จาก 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีก่อน ขณะที่รายได้อื่นๆ อยู่ที่ 1,528.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 694% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,324.40 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาอยู่ที่ 32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จาก 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน หากดูผลงานในงวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 1,601.45 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 325.02 ล้านบาท

นายไพรัช พรพัฒนนางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน AAV กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2568 ปัจจุบันตลาดเส้นทางบินภายในประเทศ (Domestic) ของ AAV ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) อันดับ 1 อยู่ที่ประมาณ 41% แม้ในช่วง Low Season ของไตรมาส 2 ปี 2568 ก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้

ขณะเดียวกันในไตรมาส 3 ปี 2568 AAV มีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่ 3 เส้นทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ สู่จังหวัดสุรินทร์ นราธิวาส และสุราษฎร์ธานี พร้อมกับคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ (Capacity) เพิ่มขึ้น ตามกลยุทธ์การบริหารจัดการด้าน Capacity เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับสูงสุด

นอกจากนี้ช่วงครึ่งปีหลัง AAV จะรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 2 ลำ เป็นรุ่น Airbus A321 neo ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ประหยัดน้ำมัน พร้อมสนับสนุนนโยบาย Sustainability ไปในตัว ซึ่งส่งผลให้สิ้นปี 2568 ฝูงบินทั้งหมดของบริษัทจะเพิ่มเป็น 64 ลำ

ด้านตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศ (International) มีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัจจัย นักท่องเที่ยวจีน ที่หายไป ทำให้ AAV มีแผนปรับเพิ่มกำลังการให้บริการ (Capacity) ในเส้นทางบินภายในประเทศ (Domestic) อย่างที่กล่าวไปข้างต้น และปรับลด Capacity ในเส้นทางบินระหว่างประเทศลง

ส่วนแนวโน้มค่าโดยสารเฉลี่ย (Fare) ของเส้นทาง Domestic ในช่วง Low Season ยังอยู่ในระดับประมาณ 1,280 บาทต่อเที่ยว ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ และคาดการณ์ว่าในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งเข้าสู่ช่วง Hi Season ค่าโดยสารจะปรับตัวกลับมาใกล้เคียงกับระดับของปีที่ผ่านมา

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวเสริมในประเด็นปัจจัยบวกที่อาจทำให้ นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนประเทศไทยในระยะข้างหน้าว่าเสน่ห์และความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวไทย อาทิ ภูเก็ตที่ได้รับการยกย่องเป็น World Class Destination รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อาทิ พระบรมมหาราชวัง กรุงศรีอยุธยา รวมทั้งอาหารการกินก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง นักท่องเที่ยวจีนมักนิยมมาสัมผัสอาหารไทยแท้รวมถึงอาหารจีนในย่านเยาวราช

ผนวกกับข้อได้เปรียบด้านระยะทางการเดินทางที่ใกล้ ใช้เวลาเพียง 3-4 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป และการต้อนรับด้วยรอยยิ้มของคนไทย สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนประทับใจประเทศไทย

ขณะที่แรงสนับสนุนรายได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 นั้น ต้องเกริ่นก่อนว่าจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจมากว่า 20 ปี จะเห็นว่าตลาดการท่องเที่ยวมีลักษณะ Seasonal Effect ที่ชัดเจน โดยปกติไตรมาส 1 มักเป็นช่วงที่ผลประกอบการค่อนข้างดี จากนั้นในไตรมาส 2 หลังช่วง เทศกาลสงกรานต์ ก็จะเข้าสู่ Low Season เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนและเปิดภาคเรียน ทำให้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศชะลอตัว

สำหรับไตรมาส 3 โดยทั่วไปถือเป็นช่วงที่มีความท้าทายมากที่สุดของปี AAV จึงต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อประคับประคองผลการดำเนินงาน ก่อนที่ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปีหรือ Hi Season จะกลับมาสร้างรายได้เติบโตได้อย่างชัดเจน

“อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกๆ หลังโควิด-19 ทำให้มีอุปสงค์ (Demand) ต่อเนื่องทั้งปีทุกไตรมาสต่างทำผลงานได้ดี แต่ในปี 2568 เริ่มกลับมาเห็นผลของ Seasonal Effect ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น ปัจจัยบวกหลักในช่วงไตรมาส 4 จึงยังคงเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน” นายสันติสุข กล่าว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าภาคการท่องเที่ยวของประเทศได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับปี 2567 ถือเป็นปีที่ดีของการท่องเที่ยวไทย แต่ในปี 2568 ผลกระทบกลับเกิดขึ้นค่อนข้างกะทันหันและรุนแรง โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ปี 2568 อย่างไรก็ตาม AAV ยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างด้านกำลังการให้บริการ (Capacity) อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

“เรายังมีจุดแข็งที่ชัดเจนในตลาดการบินภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งและเป็นผู้นำอันดับ 1 รวมถึงเครือข่ายเส้นทางบินที่เชื่อมต่อได้ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น อินเดียและเวียดนาม โดยอาศัยศักยภาพจากการให้บริการทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ขอให้นักลงทุนทุกท่านเชื่อมั่นในศักยภาพและการทำงานของ AAV และขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง” นายสันติสุข กล่าวทิ้งท้าย

Company Snapshot

Back to top button