
ส่อง 19 หุ้น mai โชว์ฟอร์มเด่น กำไรไตรมาส 2 โตแกร่งเกิน 100%
เปิด 19 หุ้นกลุ่ม mai โชว์กำไรไตรมาส 2/68 โตเกิน 100% โบรกแนะจับตา MAGURO คาดไตรมาส 3/68 ทำกำไร All Time High รับรายได้ขาย-เปิดสาขาใหม่โตแกร่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงาน บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 2 ปี 2568 ใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งมีหลายบริษัทที่ทำผลงานออกมาโดดเด่น โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่สามารถทำกำไรสุทธิเติบโตเกิน 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จำนวน 19 บริษัท ได้แก่ ALPHAX, AMARC, TMI, IND, KCC, PIS, JAK, SALEE, IROYAL, ITNS, BM, APP, EURO, MAGURO, TITLE, CRD, FLOYD, AF และ PANEL เป็นต้น
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ขอยกตัวอย่าง 5 บริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และครอบคลุมความหลากหลายของธุรกิจที่น่าจับตามอง พร้อมทั้งรายละเอียดที่สนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการ ดังนี้ บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 31.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 404.34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 6.27 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการให้บริการ 567.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 248.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน อยู่ที่ 319.06 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ๆ ที่ทยอยเข้ามาประกอบกับทยอยส่งมอบงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ได้ตามแผน รวมทั้งมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 303.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 19.91 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนจากมีรายได้ 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 335 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมาในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 อย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะงานด้านการรับวางระบบแบบครบวงจร (SI : System Integration) ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญสูง และล่าสุดบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ที่ชนะการประมูล และรอรับรู้รายได้ในอนาคตกว่า 4,944 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง
บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ IROYAL มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 11.51 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ เช่น งานวาง ระบบสื่อสาร ซึ่งสร้างรายได้เพิ่ม 81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของรายได้หลัก
บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 12.19 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้รวม 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่จ นวนทั้งสิ้น 7 สาขา ได้แก่ ร้านฮิโตริ ชาบู 2 สาขา ร้านคุคูว์ 1 สาขา และร้านทงคัตสึ อาโอกิ 4 สาขา ซึ่งช่วยสนับสนุนยอดขายรวมของบริษัทฯ ให้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PANEL มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2.20 ล้านบาท รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้รวม 41.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.68 ล้านบาท หรือ 38.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.04 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ มาจากการรับเหมาระบบงานห้องผ่าตัด และรับเหมางานตกแต่งภายในที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง MAGURO คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 26.00 บาท โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกจาก Opportunity Day เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา โดย outlook ยังดีตามคาด มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.Bincho เปิดดำเนินการมาแล้วประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง โดยรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ถึง 70% และจำนวนลูกค้ายังคงหนาแน่นต่อเนื่องแม้เป็นวันธรรมดา ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายสาขาที่สองในครึ่งปีแรกของปี 2569 ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
2.Kiwamiya เตรียมเปิดวันที่ 4 กันยายน 2568 จุดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ได้แก่ เมนูหลากหลาย มีเมนูหมูสำหรับลูกค้าที่ไม่ทานเนื้อ และลูกค้าสามารถควบคุมความสุกของอาหารเอง อีกทั้งมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในปี 2569
3.บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาไปยังจังหวัดใกล้กรุงเทพมหานคร 4.ผลการขายเฉลี่ยต่อสาขาในไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2568 แสดงถึงการฟื้นตัวที่มีนัยสำคัญ และ 5.แม้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปี 2568 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ผู้บริหารคาดว่าจะสามารถรักษาระดับดังกล่าวได้ หรืออาจขยายตัวต่อในไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบทรงตัวและสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ที่มีอัตรากำไรสูงขยายตัว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 จะขยายตัวทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่ทำระดับสูงสุดและอัตรากำไรขั้นต้นที่ทรงตัวจากต้นทุนวัตถุดิบ นอกจากนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลดลง เนื่องจากไตรมาส 2 ปี 2568 มีค่าใช้จ่ายในการสำรวจแบรนด์และงานเลี้ยงประจำปีของพนักงานรวม 4 ล้านบาท
ฝ่ายนักวิเคราะห์คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะขยายตัวทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและครึ่งปีแรก จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว