
‘จีน’ อัพเกรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
หลังจาก 10 บริษัทผู้ประกอบการปิโตรเคมีของเกาหลีใต้ บรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างธุรกิจ หมายรวมถึงการลดกำลังการผลิต (Cut Run) ผลิตภัณฑ์แนฟทา-แครกกิ้ง (naphtha-cracking) ลงอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจาก 10 บริษัทผู้ประกอบการปิโตรเคมีของเกาหลีใต้ บรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างธุรกิจ หมายรวมถึงการลดกำลังการผลิต (Cut Run) ผลิตภัณฑ์แนฟทา-แครกกิ้ง (naphtha-cracking) ลงอย่างมีนัยสำคัญโดยจะมีการลดกำลังการผลิต “แนฟทา-แครกกิ้ง” ลงประมาณ 2.7-3.7 ล้านตันต่อปี หรือเท่ากับการลดกำลังผลิตลง 25% จากกำลังผลิตรวมทั้งประเทศที่มีอยู่ 14.7 ล้านตัน
รัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต จึงจำเป็นต้องเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและแก้ปัญหาอัตรากำไรที่ตกต่ำ..!!
“หัวใจสำคัญกับการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ คือการลดกำลังการผลิตและการฟื้นฟูความสามารถการแข่งขันขั้นพื้นฐาน”
ล่าสุดรัฐบาลจีน เตรียมออกมาตรการปฏิรูปอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยการปิดโรงงานขนาดเล็ก, ยกระดับโรงงานที่ล้าสมัย ขณะเดียวกันมีการโยกย้ายเงินลงทุนไปสู่อุตสาหกรรมที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
โดยรัฐบาลปักกิ่ง มีแผนออกมาตรการดังกล่าวช่วงกันยายนนี้ มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาสินค้ามูลค่าต่ำที่ล้นตลาดในบางส่วนของภาคอุตสาหกรรม สำหรับรายละเอียดของแผนปฏิรูป กำลังอยู่ช่วงรอการอนุมัติขั้นสุดท้าย จากกระทรวงอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศจีน
เบื้องต้นรายละเอียดมาตรการ โรงงานปิโตรเคมีที่มีอายุมากกว่า 20 ปี หรือประมาณ 40% ของโรงงานปิโตรเคมีประเทศจีน ต้องได้รับการปรับปรุงยกระดับใหม่เพื่อเพิ่มผลการผลิต นอกจากนี้ผู้ประกอบการโรงงานเหล่านี้ จะได้รับการส่งเสริมให้หันไปผลิตสารเคมีเฉพาะทางมากขึ้น แทนการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อภาวะล้นตลาด
สำหรับปิโตรเคมีที่จะได้รับการสนับสนุนมาตรการการลงทุนนี้จะเป็นวัสดุที่ใช้ภาคอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI), หุ่นยนต์, ชิปคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ชีวการแพทย์, แบตเตอรี่และพลังงานสะอาด
ช่วงมีนาคมที่ผ่านมารัฐบาลจีนปักธงเป้าหมายการบังคับให้โรงงานผลิตเชื้อเพลิงยานยนต์น้อยลง และหันมาผลิตปิโตรเคมีมากขึ้น เนื่องจากการหันใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้น ทำให้การใช้งานพลังงานเชื้อเพลิงลดน้อยลง จนกำไรภาคโรงกลั่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันความพยายามที่จะป้องกันการเสื่อมสภาพของอุตสาหกรรมจีนขยายตัวขึ้นจากภาวะเงินฝืด และแรงกดดันทางการค้าต่อเศรษฐกิจของประเทศ
หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีน พยายามควบคุมผลผลิตจากโรงกลั่นในประเทศ ส่วนหนึ่งทำไปเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงและลดความเสียหายต่ออัตรากำไร ขณะเดียวกันเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบ โดยปี 2568 จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะจำกัดการกลั่นน้ำมันไว้ระดับ 1,000 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ดีรัฐบาลปักกิ่ง มีการพุ่งเป้าไปโรงกลั่นรายย่อยด้วย โดยโรงกลั่นที่มีผลผลิตน้อยกว่า 2 ล้านตันต่อปี อาจถูกปิดตัวลง เพื่อชดเชยอุปสงค์น้ำมันเบนซินและดีเซลที่ปรับลดลง จะทำให้อัตราการผลิตลดลง ทำให้ภาคโรงกลั่นรายย่อย มีกำลังผลิตส่วนเกินอยู่ประมาณ 60 ล้านตัน
แหละนี่เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหว ที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ..!!??