
BCPG บวก 6% นำกลุ่มโรงไฟฟ้า โบรกอัพเป้า 9.90 บ. รับข่าวส่วนแบ่งรายได้ลงทุน “สหรัฐ” พุ่ง
BCPG บวก 6% นำกลุ่มโรงไฟฟ้า รับข่าวรายได้โครงการลงทุนสหรัฐโตแกร่ง พร้อมรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง บล.เคจีไอ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย 9.90 บาท เดิม 8.00 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ 25 ส.ค.68 ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นยกแผง ณ เวลา 11.45 น. นำโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG อยู่ที่ระดับ 8.65 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 6.13% สูงสุดที่ระดับ 8.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 249.12 ล้านบาท
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM อยู่ที่ระดับ 12.80 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.79% สูงสุดที่ระดับ 12.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 315.07 ล้านบาท
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF อยู่ที่ระดับ 48.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 2.63% สูงสุดที่ระดับ 49.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 47.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 929.46 ล้านบาท
โดยเป็นผลมาจาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยมุมมองต่อ BCPG ว่าตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2568 ตลาดเริ่มเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของบริษัทชัดเจนขึ้น จากสองเหตุการณ์สำคัญ เหตุการณ์แรก คือ การประชุมแบบ 1-1 กับนักลงทุนสถาบันไทยหลายราย เพื่ออธิบายผลบวกจากการปรับขึ้นค่า Capacity Payment (CP) ในตลาด PJM ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ (กำลังการผลิต 857 MWe หรือราว 44% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท)
เหตุการณ์ที่สอง คือ การประชุมนักวิเคราะห์ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ที่บริษัทให้ความสำคัญกับโรงไฟฟ้าในสหรัฐ โดยชี้ให้เห็นแรงหนุนจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เร่งตัวขึ้นของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ขยายตัวตามการเติบโตของเทคโนโลยี AI และ Hyperscaler รวมถึงการปรับเพิ่มประมาณการเงินลงทุน (CAPEX Guidance)
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวช่วยให้ตลาดมองเห็นชัดเจนมากขึ้นว่า รายได้จากโรงไฟฟ้าในสหรัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของ BCPG โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนราว 45–60% ของกำไรหลักในช่วงปี 2568–2570
โดยแนะนำ “ซื้อ” BCPG ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 9.90 บาท จากเดิม 8.00 บาท ซึ่งการปรับขึ้นดังกล่าวสะท้อนกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และคาดว่านักวิเคราะห์รายอื่นในตลาดจะทยอยปรับประมาณการกำไรตามเช่นกัน เนื่องจากความเสี่ยงด้อยค่าลดลง
ขณะที่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อโครงการในสหรัฐฯ สูงขึ้น จากการได้อานิสงส์ค่า Capacity Payment (CP) ที่ปรับขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 ขณะเดียวกัน วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงยังช่วยหนุนต้นทุนทางการเงิน โดย BCPG มีโครงสร้างหนี้เป็นดอกเบี้ยลอยตัว 38% และหนี้เงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 16% อย่างไรก็ตาม ตลาดยังรอติดตามผลการประมูลค่า CP ของปี 2570/71 ในตลาด PJM สหรัฐ ซึ่งมีกำหนดประกาศในวันที่ 17 ธันวาคม 2568
ส่วน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุถึง GULF มีโอกาสได้อานิสงส์จากกระแส เงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าและทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) ที่ปรับตัวลง หนุนภาพรวมการลงทุน อีกทั้ง กำไรครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจาก โรงไฟฟ้า Jackson (กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ สัดส่วนถือหุ้น 49%) ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ Capacity Payment ใหม่ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปรับเพิ่มจากระดับเดิม 30 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 270 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน
นอกจากนี้ ศูนย์ Data Center กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ เตรียมรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนทยอย COD โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) และโครงการ Solar+BESS ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง