
BJC ลุ้นครึ่งปีหลังฟื้น เร่งขยายสาขา-ลงทุนเทคโนโลยี AI ดันยอดขายโต
BJC เดินหน้าสร้างการเติบโตระยะยาว มุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจ ปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร เปิดสาขาใหม่กว่า 100 แห่ง เสริมศักยภาพด้วยศูนย์กระจายสินค้า-เทคโนโลยี AI หนุนประสิทธิภาพและลดต้นทุน พร้อมวางรากฐานแข็งแกร่งสู่อนาคต
นางสาวอัญชลี ริมวิริยะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 บริษัทมีกำไรสุทธิ 990 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ผลการดำเนินงานของ TSS ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าเผื่อการตัดจำหน่ายจากการปิดสาขา Big C Mini กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 1,180 ล้านบาท ลดลงเพียง 3% โดยได้รับแรงหนุนจากประสิทธิภาพการดำเนินงาน การควบคุมต้นทุน และการบริหารการเงินเชิงรุกที่ช่วยลดดอกเบี้ยลงได้ 6.5%
สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน เนื่องจากมีรายการบันทึกภาษีและค่าใช้จ่ายพิเศษในปีก่อน หากตัดรายการพิเศษออก กำไรสุทธิปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 2,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% แสดงถึงศักยภาพในการรับมือกับปัจจัยท้าทายและการปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยในงานประชุมนักวิเคราะห์ ระบุว่า ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตยอดขายปี 2568 จาก mid-single-digit (SDG) ลงมาอยู่ในระดับ low-SDG หลังเผชิญความท้าทายในครึ่งปีแรก โดยกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค (CSC) ยังคงตั้งเป้าเติบโตระดับกลาง SDG หนุนโดยการพัฒนาสินค้าใหม่และช่องทางอีคอมเมิร์ซ ขณะที่กลุ่มสินค้าเวชภัณฑ์ (H&TSC) คาดเติบโตระดับกลางถึงสูงจากกระแสสุขภาพและคุณภาพชีวิต ส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์ (PSC) คาดทรงตัว โดยครึ่งปีหลังน่าจะชดเชยการหดตัว 10% ในครึ่งปีแรก ด้านกลุ่มค้าปลีก (MSC) คาดยอดขายทรงตัวทั้งปี แม้ครึ่งแรกหดตัว 2-3%
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตเหลือ 10-20bps จากเดิม 20-40bps สาเหตุจากแรงกดดันในกลุ่มค้าปลีก โดยบริษัทเตรียมปรับโครงสร้างหมวดสินค้าภายในประเทศและพัฒนาแบรนด์ของตนเอง พร้อมเดินหน้าปิดสาขา Big C Mini ที่ไม่ทำกำไรและใกล้หมดสัญญาเช่า 164 แห่งในปี 2568 (ปิดแล้ว 44 แห่ง) ขณะเดียวกันจะเปิดสาขาใหม่ 100-120 แห่ง เพื่อรักษาการเติบโตระดับ low-SDG
นอกจากนี้ BJC ได้เปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่บางปะอินในไตรมาส 2/68 ซึ่งคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ราว 150 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AI และระบบจัดการสินค้าคงคลัง โดยจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในไตรมาสถัดไป