CGSI แนะซื้อ BJC เป้า 22 บาท รับแผนปรับโครงสร้าง หนุนศักยภาพโตระยะยาว

CGSI คาด BJC ได้อานิสงส์จากแผนปรับโครงสร้างธุรกิจทั้งปิดสาขาขาดทุน-ยกเครื่องไฮเปอร์มาร์เก็ต-รวมศูนย์กระจายสินค้า แม้กดดันกำไรระยะสั้น แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพแข่งขันระยะยาว แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ได้เดินหน้าแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในรอบหลายปี โดยยึดแนวทาง “fix or close” เริ่มจากการปิดบริษัทย่อย ไทย-สแกนดิค สตีล (ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็ก) ในไตรมาส 1/2568 รวมถึงการทยอยปิดร้าน BigC Mini 44 สาขาในไตรมาส 2/2568 และมีแผนปิดเพิ่มอีก 120 สาขาในครึ่งปีหลัง และอีก 26 สาขาในปี 2569

พร้อมกันนี้ BJC ยังเร่งปรับปรุงสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต ยกเครื่องผลิตภัณฑ์กลุ่ม homeline และ softline ควบรวมศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และนำเทคโนโลยี AI มาช่วยประมาณการความต้องการสินค้าอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวกดดันผลประกอบการระยะสั้น โดยผู้บริหารระบุว่าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมลดลง 0.6% ในไตรมาส 2/2568 และคาดว่าจะลดลงอีก 1.0–1.5% ในไตรมาส 3/2568 เนื่องจากมีการปรับปรุงสาขาหลักถึง 11 แห่ง ขณะเดียวกันรายได้ค่าเช่ายังลดลงชั่วคราว

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังเผชิญแรงกดดันจากการล้างสต็อกสินค้า homeline และ softline รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมราว 20 ล้านบาทในการย้ายและรวมศูนย์กระจายสินค้า แต่ CGSI คาดว่า BJC จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี 2568 หลังการปรับปรุงส่งผลดี โดยการปิดสาขาขาดทุน 164 สาขาของ BigC Mini แม้ทำให้ยอดขายหายไป 700 ล้านบาทต่อปี แต่จะช่วยผลักดันกำไรสุทธิให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันการปรับปรุงสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้ง 11 สาขาจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/2568 ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมและรายได้ค่าเช่าในปี 2569 โดยตั้งเป้าอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 93–94% จาก 91% ในไตรมาส 2/2568

CGSI ประเมินว่า BigC จะมี GPM ปรับตัวดีขึ้นในปี 2569 เมื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่พฤศจิกายน 2568 และคาดว่าการรวมศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 150 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป โดยแม้กำไรอาจอ่อนตัวในระยะสั้น แต่การปรับโครงสร้างจะช่วยเสริมขีดความสามารถแข่งขันและการทำกำไรในระยะยาว

ทั้งนี้ CGSI ยังประเมินว่ามูลค่าหุ้น BJC ปัจจุบันที่ P/E 14.8 เท่าในปี 2568 (-1.75SD จากค่าเฉลี่ย 3 ปี) และ Dividend Yield ที่ 4.6% ยังน่าสนใจ จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 22 บาทต่อหุ้น มองว่าความเสี่ยงด้านลบมาจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้าและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ขณะที่ปัจจัยบวกคือการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว

Back to top button