“พงศ์ภัทร” คัด 9 หุ้นเด่น เน้นกำไร Q4 โตต่อเนื่อง

“พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์” มองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์จากแนวรับ 1,298–1,300 จุด หลังความคืบหน้าเจรจา Shutdown สหรัฐฯ พร้อมแนะเก็บหุ้น Domestic Play และธนาคารในระยะกลาง ชู 9 หุ้นเด่น แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4/68


นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์เอกซ์ จำกัด ในเครือกลุ่มเอสซีบีเอ็กซ์ (SCBX) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้มีแนวโน้มรีบาวด์ทางเทคนิคหลังอ่อนตัวลงในช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าแนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 1,298–1,300 จุด ซึ่งมักเป็นระดับที่นักลงทุนชะลอแรงขายและเกิดแรงดีดกลับในระยะสั้น

ขณะเดียวกันควรติดตามปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการเจรจาของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่เริ่มมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา “Government Shutdown” หลังวุฒิสภามีการประชุมต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ยังมีข้อขัดแย้งในประเด็น “Affordable Care Act” หรือ ObamaCare ที่ยังไม่ยุติ แต่ถือเป็นสัญญาณบวกต่อบรรยากาศการลงทุน

ส่วนกรณีศาลฎีกาสหรัฐฯ ที่พิจารณาคดีภาษีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าไม่มีนัยสำคัญต่อทิศทางตลาดนัก เพราะไม่ว่าผลการพิจารณาจะเป็นเช่นไร ฝ่ายบริหารยังสามารถดำเนินมาตรการทางกฎหมายอื่นเพื่อจัดการได้

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือความเป็นไปได้ที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดทำการ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่ค้างการรายงาน เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) และเงินเฟ้อ (CPI) ถูกเผยแพร่ออกมาอีกครั้ง และอาจสร้างความผันผวนต่อทิศทางตลาดในระยะสั้น

สำหรับมุมมองต่อกลุ่มหุ้น นายพงศ์ภัทร ระบุว่า ช่วงนี้หุ้นกลุ่ม Domestic Play มีโอกาสรีบาวด์หลังปรับฐานแรงในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่รับข่าวบวกจากมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ไปแล้ว ขณะที่กลุ่มธนาคารยังน่าสะสมในเชิงพื้นฐาน เนื่องจากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) อยู่ในระดับสูง ทำให้มีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเพื่อให้ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ใกล้เป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ นักลงทุนระยะกลางสามารถทยอยซื้อสะสมเพื่อรับปันผลในช่วงไตรมาส 1 ปี 2569

นอกจากนี้ หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568 แข็งแกร่ง เช่น GFPT, BAM, CHAYO, BCPG, BEM, BGRIM, BJC, MTC และ PTT ยังคงเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสร้างกำไรต่อเนื่องในไตรมาส 4/2568

ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลที่ราคาปรับลงแรงในช่วงที่ผ่านมา มองว่าเป็นผลจาก Valuation ที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารที่เทรดต่ำกว่า -1 ถึง -2 สแตนดาร์ดดีวีเอชัน ประกอบกับกำไรชะลอตัวจากฐานสูงในปีก่อนและข่าวประเด็นราคายา อย่างไรก็ดี หากราคาหุ้นอ่อนตัวต่อและมีการปรับประมาณการกำไรลงจนสะท้อนปัจจัยลบครบถ้วนแล้ว จะเป็นจังหวะเข้าซื้อสะสมได้ โดยเฉพาะหุ้นโรงพยาบาลบางแห่งที่เริ่มมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ในระดับ 4–5% ซึ่งถือว่าเริ่มน่าสนใจในมุมมองเชิงมูลค่า

ทั้งนี้ นายพงศ์ภัทร ประเมินว่า เมื่อผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศครบและมีการประชุมนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการลงเรียบร้อยแล้ว จะเป็นสัญญาณว่าตลาดได้ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว และเข้าสู่ช่วงรีบาวด์ในไตรมาส 4/2568 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569

Back to top button