หุ้นการเมือง..รุ่งหรือร่วง

เดิมทีอีฉันจะเม้าท์ถึงเรื่องการเมืองแบบจัดเต็มทุกตัวอักษร แต่ทันทีที่เห็นเหลี่ยมของพลพรรคสีแดงพรรคเพื่อไทยที่พยายามสกัดกั้นทุกทางไม่ให้ “เสี่ยหนู” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และพยายามตามตื๊อพวกน้องส้มแบบวันต่อวัน


เดิมทีอีฉันจะเม้าท์ถึงเรื่องการเมืองแบบจัดเต็มทุกตัวอักษร แต่ทันทีที่เห็นเหลี่ยมของพลพรรคสีแดงพรรคเพื่อไทยที่พยายามสกัดกั้นทุกทางไม่ให้ “เสี่ยหนู” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และพยายามตามตื๊อพวกน้องส้มแบบวันต่อวัน “โมนิก้า” เลยขี้เกียจพูดถึงพฤติกรรมของพลพรรคสีแดงให้เปลืองน้ำลาย เพราะคนพวกนี้เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว จนสามารถลืมคำพูดวันก่อนที่เคยพ่นไว้แบบนี้..ลิ้นคงมีปัญหาแล้วล่ะค่ะ

*เนื่องจากข้อเสนอยุบสภาที่น้องส้มเคยหยิบยื่นให้ก่อนหน้านี้มันมาตั้งนานแล้ว แต่พรรคสีแดงกลับปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใย แต่วันนี้กลับมางอนง้อแบบไม่กระดากใจ แถมยังเกทับด้วยการขอให้ช่วยโหวต “ชัยเกษม” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้นจะประกาศยุบสภาในทันที ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในเร็ววันแบบนี้ “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะว่า พวกเองจะตีรวนไปถึงไหน?..พ่อมหาจำเริญ

งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เลือกพูดด้านเดียวก็ช่างหัวปะไร! เพราะขอยืนยันสิ่งที่พูดออกไปนั้น มันมาจากไทม์ไลน์จริงที่ทุกคนเห็นกันทนโท่! อีฉันเลยสงสัยการชักเข้าชักออกของพรรคเพื่อไทย..ทำไปเพื่ออะไร? เพราะมีแต่จะทำให้สังคมมองพรรคสีแดงไร้ราคาลงเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นอีฉันก็อยากให้คนของพรรคนี้รู้ว่า คนส่วนใหญ่เขาอยากลองของใหม่กันทั้งนั้น ถ้าไม่ดีเหมือนที่เคยตกปากรับคำ ก็ได้เลือกตั้งใหม่อยู่ดี (เป็นรัฐบาลมา 2 ปี ทำอะไรสำเร็จบ้าง)..รออีกนิดจะเป็นอะไรเหรอโทนี่!

ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นไทยก็เป็นช่วงทดสอบแรงขาย หลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะ วานนี้จึงเห็นดัชนีพลิกจากแดนบวกลงสู่แดนลบ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,252.55 จุด ลบไป 6.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.48 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นการเมืองถูกกล่าวถึงมากสุดในบรรดาขาเผือก เพราะบางตัวถูกขายแบบประหลาดใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งทรงมาดี ส่วนบางตัวก็เด้งขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนหงอยนะซี

รายแรกที่ต้องเอ่ยถึงก็คือ ADVANC หลังมีแรงขายออกมาเป็นระลอก จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 292 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท ซึ่งถ้าดูตามสัญญาณเทคนิคก็ต้องบอกว่า นี่เป็นการขายทำกำไรธรรมดา ๆ หลังจากไม่ผ่าน 300 บาท ยกเว้นบางคนคิดลงไปลึกกว่าปกติ ๆ ก็จับโยงไปกับเรื่องการเมืองเปลี่ยนขั้วได้เช่นกัน จึงขึ้นอยู่กับว่า ใครเชื่อแบบไหน?..อิอิอิ

เช่นเดียวกับในรายของหุ้น GULF ก็มีลักษณะคล้ายกับรายแรกที่เอ่ยถึง “โมนิก้า” จึงไม่มีความจำเป็นต้องเม้าท์อะไรมากมาย เพราะการเคลื่อนไหวของหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็อยู่ในกรอบ 46-49 บาทอยู่แล้ว เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 47 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 878 ล้านบาท ส่วนใครจะคิดไปไกลกว่านั้น ก็เป็นเรื่องความคิดของแต่ละบุคคลนะออเจ้า

ส่วนรายที่ทำให้ต้องคิดเยอะมาก ๆ คงมองไปที่หุ้นร้อนอย่าง BCP หลังเข้าไปพัวพันกับทุนเทากัมพูชา พร้อมกับสื่อต่าง ๆ มีการตีแผ่หุ่นเชิดมีใครบ้างแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผูกโยงกับบรรยากาศการเมืองไทยแบบแยกไม่ออกจริง ๆ และการที่หุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 32 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 148 ล้านบาท ก็ทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อสูง เพราะเหตุการณ์วันนี้ต่างจากวันนั้นเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้น PTG ก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่ตรงราคาหุ้นพุ่งดีเหลือเกิน ทั้งที่สภาพของตลาดหุ้นอยู่ในช่วงของการขายทำกำไร แถมเซียนหุ้นหลายคนต่างรู้ดีว่า ธุรกิจนี้เป็นของนักการเมืองตระกูลดังที่กำลังก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรี จึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 7.95 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89 ล้านบาท เพราะนักเล่นเขาเชื่อแบบนั้นกันไปหมดแล้วนะจ๊ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button