
SET มีโอกาสพักตัวหรือชะลอการขึ้น รอปัจจัยหนุนใหม่
InnovestX ปรับการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ Fed จากที่คาดว่าจะลด 2 ครั้งในปีนี้ สู่ 4.1% เป็นลด 3 ครั้งในปีนี้
InnovestX ปรับการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ Fed จากที่คาดว่าจะลด 2 ครั้งในปีนี้ สู่ 4.1% เป็นลด 3 ครั้งในปีนี้ (ซึ่งลดไปแล้ว 1 ครั้งในการประชุมครั้งนี้) สู่ 3.63% (ช่วงคาดการณ์ที่ 3.50-3.75%) เหตุผลในการปรับลดการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ Fed ได้แก่ (1) InnovestX มองว่า Fed ยอมโอนอ่อนผ่อนตามทรัมป์มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ Stephen Miran เข้ามารับตำแหน่ง
(2) Fed ปรับน้ำหนักความสำคัญของตลาดแรงงานที่ชะลอลงมากขึ้น และลดความสำคัญของเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นลง (3) Fed น่าจะต้องการเร่งการปรับลดดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เพื่อตอบสนองต่อตลาดแรงงานที่อ่อนกำลังลง ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่เป็นความเสี่ยงมากนัก
ทั้งนี้ InnovestX ปรับประมาณการเงินเฟ้อให้วิ่งเข้าสู่ 3.3% ในปลายปีนี้ จาก 3.6% ในช่วงก่อน ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี ที่ 3.63% ยังสูงกว่าเงินเฟ้อที่ 3.3% ขณะที่ในปี 2026 InnovestX เชื่อว่า Fed จะลดดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ไปสู่ 3.38% ขณะที่เงินเฟ้อเร่งขึ้นสู่ 3.7% ทำให้นโยบายการเงินอยู่ในโหมด Accommodative stance และคาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะต่ำในปี 2025 ก่อนเร่งตัวขึ้นในปี 2026 และปรับค่าเงินบาทปี 2025 สู่ 32.4 บาท/ดอลลาร์
ด้านเศรษฐกิจจีน แม้กำลังเผชิญภาวะชะลอตัว โดยอาจขยายตัวเพียง 4.4% ในปี 2025 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 5% แต่ทางการจีนยังคงมีมาตรการสนับสนุนต่อเนื่องทั้ง Trade in program และมาตรการอุดหนุนสินเชื่อ รวมถึงมาตรการ 19 ประการ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลภาคบริการ โดยสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การค้า ขนส่ง การเงิน การศึกษา และการอบรมวิชาชีพให้เป็นดิจิทัล เพื่อความโปร่งใส รวดเร็ว ทันสมัย และตรวจสอบได้มากขึ้น ซึ่งจะขยายขนาดภาคบริการจากปัจจุบันที่ 55% ต่อ GDP สู่ 75% ดังเช่นประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงเป็นกลจักรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิทัลสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า
สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดยปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลและแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนให้ฟื้นตัวและการทยอยไหลเข้าของ Fund Flow ในระยะถัดไป
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ PMI และ PCE ซึ่งหากตัวเลขออกมาแย่กว่าตลาดคาด จะมีผลต่อการพิจารณาตัดสินใจเร่งลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีมอง SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจชะลอการขึ้นสั้นบ้าง หลังดัชนีปรับขึ้น 19% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ด้าน Downside ยังจำกัดเช่นกัน หลังเริ่มเห็น Fund Flow ชะลอการขาย โดยประเมิน SET มีแนวต้านบริเวณ 1,320 และมีแนวรับ 1,280 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนยังคงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 2 ธีมเทรดดิ้ง ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Earning Play ซึ่งคาดครึ่งหลังปี 68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC, BCPG, GULF, SCC
- หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB
- Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมในไทย แนะนำ TASCO, BJC, HMPRO, GLOBAL เนื่องจากจากสถิติระหว่างปี 2558-2567 (ยกเว้นปี 2563 ที่เกิดวิกฤตโควิด-19) พบว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้ดีเมื่อซื้อลงทุนช่วงกลาง ก.ย. และไปขายต้น พ.ย. โดยคาดหวังได้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยราว 2.6% และ 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค ท่องเที่ยวและการลงทุน แนะนำ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, GLOBAL, TNP) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG, OSP, HTC, ICHI) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC)
นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล
ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team
บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX