
“พบชัย ชี้ SET ไซด์เวย์อัพ จับตานโยบาย ครม.อนุทิน แนะหุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว-นิคมเด่น
“พบชัย ภัทราวิชญ์” บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มอง SET ไซด์เวย์อัพ กรอบ 1,285–1,327 จุด จับตาฟันด์โฟลว์-ครม.อนุทิน แถลงนโยบายปลายเดือนนี้ แนะลงทุนหุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว-นิคม และก่อสร้างเด่น
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2568 ว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยล่าสุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา)ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวพักตัวลงมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีประเด็นหลักประมาณ 2 ประเด็น ได้แก่
1.การปรับลดน้ำหนักการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติ (FTSE Rebalance) โดยนักลงทุนต่างชาติมีการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวถูกปรับลดขนาดลงมา และหลุดออกจากสถานะหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเม็ดเงิน ส่งผลให้ต่างชาติมีการขายสุทธิออกมาประมาณ 3,100- 3,200 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวน 2,500- 2,600 ล้านบาทมาจาก FTSE Rebalance
2.ความผันผวนของ Bond Yield มีความผันผวนและดีดตัวขึ้นมาอย่างรุนแรง สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับสถานะการคลังของประเทศ โดยเฉพาะประเด็นหลักคือความไม่สมดุลกันของรายรับและรายจ่ายของรัฐบาล ซึ่งทำให้ระดับหนี้สาธารณะเข้าใกล้เพดานที่กำหนดไว้ที่ประมาณ 70% ต่อ GDP พอออกมาเตือนทำให้การดีดตัวของบอนยิวนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ
อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้คาดว่าประเด็นกดดันที่กล่าวมาข้างต้นจะเริ่มผ่อนคลายลง ดังนั่นปัจจัยบวกที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ ความคืบหน้าทางการเมืองคณะรัฐมนตรีได้รับโปรดเกล้าฯแล้ว และมีกำหนดถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 24 ก.ย.นี้ และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 29 ก.ย.-1 ตุลาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ออกมา ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่น่าจะเข้ามาช่วยเกื้อหนุนตลาดได้
คาดการณ์ว่า SET Index ในสัปดาห์นี้จะมีการแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Up และมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ กรอบล่างประเมินไว้ที่ประมาณ 1285 จุด ส่วน กรอบบนแนวต้านหากผ่าน 1,300 จุดไปได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่บริเวณ 1,320 หรือ 1,327 จุด
อย่างไรก็ตามต้องจับตาตลาดจะสามารถทะลุแนวต้าน 1327 จุดได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระแสฟันด์โฟลว์ (Fund Flow) หากฟันด์โฟลว์มีการไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสที่จะทะลุผ่านไปได้ แต่หากฟันด์โฟลว์ยังคงผันผวน คือมีทั้งไหลเข้าและไหลออก1327 จุด ก็ยังคงเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งอยู่
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้นการลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการที่กำลังจะเดินหน้าต่อ อาทิ
-กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มค้าปลีก เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ค่อนข้างชัดเจน หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ CPALL, GLOBAL, TNP และ CPAXT และกลุ่มท่องเที่ยวถือว่ามีความน่าสนใจ เช่น CENTEL
-กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ยังคงได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตและกระแส Data Center ตัวอย่างหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ AMATA และ WHA
-กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง น่าจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะจากโครงการขนาดใหญ่ที่ยังค้างท่ออยู่ (Mega projects) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะถูกนำกลับมาใช้หรือมีการลงทุนเพิ่มเติม
นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาผู้ว่าธปท.คนใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย อาจปรับลดดอกเบี้ย ช่วยหนุนหุ้นไฟแนนซ์และลีสซิ่งในระยะถัดไป