
“บวรศักดิ์” เปิดโมเดลแก้รัฐธรรมนูญ 2 ขั้น–ประชามติ 2 คำถามพร้อมเลือกตั้งปี 69
รองนายกฯ “บวรศักดิ์” ชี้แจงต่อรัฐสภา ย้ำรัฐบาลไม่แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่สนับสนุนการจัดทำฉบับใหม่ตามกระบวนการประชามติ พร้อมเผยเลือกตั้งปี 2569 ประชาชนจะใช้บัตรเลือกตั้ง 4 ใบ ครอบคลุม ส.ส. เขต, ส.ส. บัญชีรายชื่อ, ประชามติรัฐธรรมนูญ และประชามติยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย.68) ระหว่างการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันแรก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยย้ำว่า ในนโยบายรัฐบาลระบุชัดว่าจะสนับสนุนการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเปิดรับฟังเสียงของประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ตั้งเป้าจะจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่จะสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กระบวนการเริ่มจากการทำประชามติถามประชาชน 2 คำถาม คือ เห็นชอบหรือไม่ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเห็นชอบหรือไม่กับหมวด 15/1 ที่รัฐสภาจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดวิธีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายบวรศักดิ์ อธิบายต่อว่า ในขั้นแรก สภาจะต้องพิจารณาวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงจากประชาชน เมื่อผ่านสภาแล้ว จึงเข้าสู่ขั้นตอนที่สอง คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 15/1 ที่ผ่านประชามติ ซึ่งในชั้นนี้จึงจะพิจารณาว่า จะมีการแตะหมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่
แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคได้แถลงต่อสื่อมวลชนไว้แล้วว่าจะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพราะจะมีปัญหาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือไม่ที่ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐจะกระทำไม่ได้
สำหรับเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่ง นายบวรศักดิ์ ระบุว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันมาตรา 256 (8) กำหนดชัดว่า หากจะแก้ไขต้องทำประชามติก่อน ซึ่งรัฐบาลนี้จะไม่แตะ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จัดทำโดย สสร. จะพิจารณาหรือไม่ ต้องติดตามในกระบวนการขั้นตอนที่สอง
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงข้อเสนอให้ทำประชามติยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไทย–กัมพูชา โดยชี้ว่าการทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณถึง 6,000 ล้านบาท เพื่อความประหยัด รัฐบาลจึงกำหนดให้ทำประชามติควบคู่กับการเลือกตั้งทั่วไปหลังการยุบสภา
โดยสรุป ในการเลือกตั้งปี 2569 ประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 4 ใบ คือ ใบแรกเลือก สส. เขต, ใบที่สองเลือก สส. บัญชีรายชื่อ, ใบที่สามเป็นบัตรประชามติรัฐธรรมนูญ มี 2 คำถาม คือ เห็นชอบหรือไม่ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเห็นชอบหรือไม่กับวิธีการและสาระที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระสาม และใบที่สี่เป็นบัตรให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชาหรือไม่
นายบวรศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เรื่องสำคัญเช่นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเฉพาะกิจไม่ควรตัดสินใจเอง แต่ควรคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้วินิจฉัย หากประชาชนลงมติให้เลิกก็ต้องเลิก แต่หากลงมติให้คงไว้ รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย