“อนุทิน” แจงปมถนนทรุด–ให้สัตยาบรรณไม่เอื้อคนผิด ปัดเอี่ยวซิโน-ไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ต.ค.68) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขต 1 พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีถนนสามเสน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ทรุดตัว เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

โดยสรุป นายปารเมศ ซักถามถึงมาตรการแก้ไขและกำหนดซ่อมแล้วเสร็จ, มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ, การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ รวมถึงตั้งข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เคยเป็นอดีตผู้บริหาร หนึ่งในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างดังกล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ยืนยันจะคืนผิวจราจร 2 เลนได้ภายในวันที่ 9 ต.ค.นี้ โดยได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดความเคลื่อนตัวของอาคารและจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งถมทรายกว่าหมื่นคิว เติมหินคลุก และลาดยางเพื่อคืนพื้นผิวจราจร โดยได้รับความร่วมมือจาก กทม. ในการสแกนโพรงใต้ดินเพื่อลดความเสี่ยง

“ขณะนี้คณะกรรมการกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง รฟม. และรัฐมนตรีคมนาคมยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการตามมาตรฐานวิศวกรรม มั่นคงแข็งแรงและเน้นความปลอดภัย แต่ผมจะไม่ปล่อยให้ รฟม. ตรวจสอบฝ่ายเดียว ต้องอาศัยกรมโยธาธิการ สภาวิศวกร และหน่วยงานวิชาชีพร่วมกันหาสาเหตุและวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีก” นายกฯ กล่าว

สำหรับการซ่อมอุโมงค์ นายอนุทิน ระบุว่า ต้องเร่งคืนสภาพให้ปลอดภัยตามสัญญา ส่วนเรื่องเยียวยาแม้สัญญาไม่ได้กำหนดไว้ แต่ได้กำชับให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. สั่งผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบ ไม่เพียงซ่อมความเสียหาย แต่รวมถึงเยียวยาโอกาสทำมาหากินและรายได้ที่ประชาชนสูญเสียไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวน หากพบข้อผิดพลาดทางเทคนิคต้องแก้ไข หากเป็นความประมาท ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบตามสัญญาเต็มที่

“ผู้รับจ้างเหนื่อยแน่งานนี้ ต่อให้เคลียร์ตัวเองได้ ก็ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ทางวิศวกรรม ถ้ามีการบกพร่องร้ายแรงก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย สัญญากำหนดไว้ชัดเจน สิ้นสุดปี 2570 ถ้าซ่อมไม่เสร็จ ค่าปรับเดินแน่นอน”

ส่วนข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส นายอนุทิน ย้ำว่า ตนลาออกจากการเป็นผู้บริหารเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และขายหุ้นซิโน-ไทยออกทั้งหมดในปี พ.ศ. 2562 “ผมไม่เกี่ยวข้องกับกิจการเอกชนใด ๆ เลย การปกป้องเพื่อให้ประโยชน์ไม่มี ผมกับซิโน-ไทย เหมือนไม่รู้จักกัน”

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า “ผมให้สัตยาบรรณว่า นอกจากให้อิสระในการตรวจสอบแล้ว ทุกการสอบสวนต้องรักษาประโยชน์ของรัฐและประชาชน ไม่ใช่นายทุน ผมไม่เคยใช้อิทธิพลช่วยใคร ทุกครั้งที่มีการขอให้ใช้อำนาจราชการช่วยเหลือ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ในไลน์มีแต่คำว่ากรุณาอ่านไลน์ด้วย พอเห็นเรื่องนี้มานอกจากไม่ read ยังบล็อกด้วย”