
“พงศ์ภัทร” มอง SET แกว่งขึ้นจำกัด ลุ้นดอกเบี้ยขาลง–มาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทย
“พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์” มองตลาดหุ้นไทยยู่ในช่วงแกว่งขึ้นระยะสั้น แนวต้าน 1,300–1,305 จุด ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,287 จุด หากหลุดต่ำกว่ามองเป็นจุดหยุดขาดทุน แนะจับตาเงินเฟ้อไทย–ประชุมกนง. และมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย พร้อมแนะหุ้นเด่นกลุ่มไฟแนนซ์–อสังหาฯ รับดอกเบี้ยขาลง
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน Research Department, InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (6 ต.ค.2568) ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังอยู่ในช่วง “แกว่งขึ้นระยะสั้น” หลังจากสัปดาห์ก่อนมีแรงรีบาวด์จากหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ DELTA และ AOT แต่การขึ้นยังเป็นลักษณะจำกัดในกลุ่มจำเพาะ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยแรงหมุนเวียนจากกลุ่มพลังงานและธนาคารเข้ามาช่วยหนุนเพิ่มเติม โดยแนวโน้มกลุ่มธนาคารอาจยังถูกกดดันจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงและรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง ส่วนกลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น หลังราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้น ขณะที่ OPEC+ ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตในระดับที่ต่ำกว่าคาดส่งผลบวกต่อราคาพลังงานในตลาดโลก
โดยประเมินแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,300–1,305 จุด และแนวต้านถัดไปแถว 1,335 จุด ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,287 จุด หากหลุดต่ำกว่ามองเป็นจุดหยุดขาดทุนสำหรับนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไร สำหรับแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดในระยะนี้ได้แก่
1.ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกันยายน คาดยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ในกรอบ -0.6% ถึง -0.8% จากเดือนก่อนที่ -0.78% หากออกมาต่ำกว่าคาด จะเป็นแรงหนุนต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์
2.การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 ต.ค. มองว่าในการประชุมแรกของนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ เบื้องต้นอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ยทันที แต่มีแนวโน้มสูงที่จะลดในเดือนธันวาคม ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยโลกที่เข้าสู่รอบผ่อนคลาย
3.ติดตามการแถลงมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย ซึ่งมีประเด็นสำคัญอย่างโครงการออมในหุ้น (TISA) ที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจูงใจให้ลงทุนหุ้นโดยตรง และแนวคิดยกเว้นภาษีเงินปันผลสำหรับผู้ถือครองระยะยาวมากกว่า 1–3 ปี มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานเงินลงทุนภายในประเทศ ลดความผันผวนเชิงจิตวิทยา และเหมาะกับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ควบคู่กับมาตรการด้านโครงสร้างอื่นที่ทยอยดำเนินการก่อนหน้า
โดยมองประเด็นโครงการออมในหุ้นดังกล่าวเป็นบวกต่อภาพรวมตลาด เนื่องจากเป็นการให้สิทธิภาษีโดยตรงกับผู้ลงทุนรายบุคคล (แทนการลดหย่อนผ่านกองทุน LTF หรือ RMF เดิม) ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ ลดความผันผวนของตลาด และสร้างฐานนักลงทุนระยะยาวที่แข็งแกร่งมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะนำหุ้นที่น่าสนใจตามธีมดอกเบี้ยขาลง โดยแบ่งเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1.หุ้นที่ประโยชน์จากต้นทุนการเงินลดลงหุ้นที่มีหนี้สินดอกเบี้ยลอยตัวสูง ได้แก่ GPSC,TRUE,CENTEL
2.ต้นทุนการดำเนินงานลดลง ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งต้นทุนดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น เช่น MTC ,TIDLOR รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อาศัยแรงหนุนจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัว เช่นAP
สำหรับปัจจัยภายนอกนักลงทุนยังต้องติดตามความเสี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลกระทบระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนยังจำกัด แต่หากยืดเยื้อเกิน 1 เดือนอาจเริ่มกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเลื่อนการประกาศตัวเลขสำคัญได้