
Micron ทุบสถิติกำไรออลไทม์ไฮ!
ถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ เมื่อ Micron Technology, Inc. ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/68 มีรายได้และกำไรสูงเป็นประวัติการณ์
ถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ เมื่อ Micron Technology, Inc. ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/68 มีรายได้และกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้ 11,3000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากตัวเลขคาดการณ์ 11,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 46% กำไรต่อหุ้น (EPS) 3.03 ดอลลาร์สหรัฐ (จากตัวเลขคาดการณ์ 2.84 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 157% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Data center อย่าง HBM, high-capacity DIMM, และ LPDDR5X เป็นหัวใจหลัก เพื่อผลักดันยอดขายและอัตรากำไรบริษัทสูงขึ้นชัดเจน รายได้จากกลุ่ม Cloud Memory (AI) เพิ่มขึ้นกว่า 214% สะท้อนความต้องการหน่วยความจำขั้นสูงกับโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั่วโลก
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นถึง 45.7% มากกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ 44.3% สิ่งที่เป็นตัวชูโรง คือ รายได้จาก HBM ช่วงไตรมาสเดียวทะลุระดับ 2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณการทั้งปี 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยบริษัทแจ้งว่าสินค้า HBM ถูกจองจนซัพพลายเต็มถึงปีหน้า
โดย Micron หันมาโฟกัสธุรกิจที่ทำกำไรสูง (High-Margin) ชัดเจน และเร่งขยายขีดความสามารถการผลิต DRAM เจเนอเรชันใหม่ บริษัทเดินหน้าลงทุนอย่างหนักในสาย HBM และ 1-Gamma DRAM เพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นแบบไม่มีทีท่าชะลอตัว ไตรมาสดังกล่าวบริษัทประกาศลงทุน (CAPEX) สำหรับปี 2569 ที่ระดับ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มุ่งเป้าขยายกำลังผลิตให้พร้อมตอบสนองความต้องการของ Hyperscaler และ AI server ทั่วโลก
ขณะที่ธุรกิจ NAND สำหรับกลุ่ม Consumer/Mobile ถูกลดความสำคัญลง เพื่อย้ายโฟกัสไปยังเซกเมนต์ที่สร้างมูลค่าสูงสุด จุดเปลี่ยนสำคัญคือ Micron ไม่ใช่แค่ฟื้นตัว แต่กำลังก้าวเข้าสู่โหมด AI Supercycle อย่างเต็มตัว
“เลือกทิ้งธุรกิจที่ Margin ต่ำ แล้วทุ่มทรัพยากรสู่การสร้างผู้นำเทคโนโลยีสาย DRAM/HBM สำหรับยุค AI-first”
โดย Micron ตั้งเป้ารายได้ไตรมาส 1/2569 ไว้ที่ 12,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ตลาดคาดการณ์ไว้ 11,910 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น Gross Margin จะขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็น 51.5% (ตลาดคาดการณ์ไว้ 46%) และกำไรต่อหุ้น (EPS) ขยับเป็น 3.75 ดอลลาร์สหรัฐ (ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.05 ดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมส่งสัญญาณมั่นใจว่าคลื่นความต้องการ AI ที่เติบโตสูง และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในปีหน้า
บริษัทมีการเน้นความพร้อมทั้ง Supply Chain และเทคโนโลยี HBM4/1-gamma DRAM ว่า จะกลายเป็นฐานกำลังใหม่ ทำให้ Micron “ไม่ใช่แค่ฟื้นตัวแต่กลายเป็นผู้เล่นที่ได้เปรียบ” ในโครงสร้างตลาดหน่วยความจำยุค AI Supercycle ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
สำหรับ Micron Technology, Inc. (NASDAQ: MU) เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริกันที่ในการผลิตและพัฒนาโซลูชันหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูล ด้วยความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี DRAM (Dynamic Random-Access Memory), NAND (NAND Flash Memory) และ HBM (High Bandwidth Memory) ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของอุปกรณ์ดิจิทัลทุกประเภท
ตั้งแต่สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์ จนถึงรถยนต์อัจฉริยะและอุปกรณ์ IoT ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำรุ่นใหม่และการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ Micron Technology สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดเทคโนโลยี AI, Cloud Computing และ Data Center ทั่วโลก
เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1978 ที่เมือง Boise รัฐ Idaho โดย Ward Parkinson, Joe Parkinson, Dennis Wilson และ Doug Pitman ด้วยวิสัยทัศน์การพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำที่จะเปลี่ยนโลกดิจิทัล ผลงานสำคัญเกิดขึ้นช่วงปี 1981 เมื่อบริษัทผลิต DRAM 64K-bit รุ่นแรกสำเร็จ และปี 1984 Micron Technology ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ก่อนจะขยายการผลิตและพัฒนาหน่วยความจำอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงช่วงทศวรรษ 1980-1990 ถือเป็นการปูรากฐานสำคัญกับการก้าวสู่ตลาดโลก
เมกะเทรนด์: สุภชัย ปกป้อง