TU ดีด 6% ลุ้นยอดขาย Q4 โมเมนตัมบวก โบรกเคาะเป้า 15.30 บาท

TU ดีด 6% โบรกประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/68 คาดกำไรสุทธิ 1,202 ล้านบาท แม้เจอภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น บริษัทเตรียมปรับราคาสินค้าเพิ่มเติมเพื่อชดเชยต้นทุน พร้อมขยายความร่วมมือกับ Mitsubishi Corporation เสริมแกร่งธุรกิจ Frozen และ Pet Care คาดยอดขายไตรมาส 4 ยังมีโมเมนตัมบวก พร้อมเป้าหมายราคาในปี 2569 ที่ 15.30 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ต.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ณ เวลา 10:40 น. อยู่ที่ระดับ 13.50 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 6.30% สูงสุดที่ระดับ 13.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 203.60 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ถึงหุ้น TU ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของยอดขายทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แม้ว่าภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยังคงเป็นอุปสรรคเชิงโครงสร้าง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเติบโตแบบ Organic ในทุกหมวดหมู่ ยกเว้นธุรกิจ Value Added และแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะอ่อนตัวจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ลดลง เนื่องจากการปรับขึ้นราคายังไม่สามารถชดเชยภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายจากการส่งเสริมการขายของธุรกิจ Ambient

ในส่วนของความร่วมมือกับ Mitsubishi Corporation (MC) ยังคงแข็งแกร่ง แม้การทำคำเสนอซื้อหุ้นจะไม่สำเร็จ โดยทั้งสองฝ่ายยังคงหารือเพื่อขยายความร่วมมือในด้านการจัดหาสินค้าและขยายพอร์ตโฟลิโอในกลุ่ม Frozen และ Pet Care เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินงานและซัพพลายเชน

โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะอยู่ที่ 1,202 ล้านบาท (ลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน, ลดลง 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Ambient
เราคาดยอดขายรวมเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของปริมาณและการปรับขึ้นราคาของยอดขาย Ambient
ส่วน Pet Care คาดว่าจะเติบโตจากสัดส่วนสินค้าพรีเมียมกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 47–50% ขณะที่ Frozen คาดว่าจะเติบโตหลักเดียว

สำหรับอัตราทำกำไรขั้นต้น (GPM) คาดลดลง เนื่องจากธุรกิจ Ambient เป็นหลัก การส่งผ่านราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นยังไม่เต็มที่ และค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นส่วนธุรกิจ Frozen ได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ Pet Care ยังคงแข็งแกร่งด้านค่าใช้จ่าย (SG&A) คาดว่าจะอยู่ที่ 13.5% ของยอดขายรายการอื่น ๆ ได้แก่ กำไรจาก FX เล็กน้อย ส่วนแบ่งกำไรจาก Avanti ลดลงจากงวดเดียวของปีก่อน แต่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน และอัตราภาษีคงคาดที่ราว 12%

ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายจะยังมีโมเมนตัมเชิงบวกอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 แต่ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และความยืดหยุ่นของดีมานด์ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ

บริษัทเตรียมเดินหน้าปรับราคาขึ้นเพิ่มเติมเพื่อชดเชยภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อัตรา 19% ที่เริ่มบังคับใช้ โดยมุ่งเน้นการเจรจากับคู่ค้าในสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดยุโรปยังคงใช้กลยุทธ์การทำโปรโมชั่นเชิงรุกเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับจาก private label ราคาปลาทูน่าคาดว่าจะทรงตัวในช่วง 1,530–1,570 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของต้นทุนได้

นอกจากนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ ยังคงประมาณการเดิม โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะอยู่ที่ราว 4.4 พันล้านบาท (ลดลง 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) จาก demand ที่อ่อนตัวและผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้า ขณะที่ในปี 2569 คาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 16% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน จากสถานการณ์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลง จากราคาทูน่าที่ปรับขึ้นเป็นราว 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน (เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) ขณะเดียวกัน SG&A คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าขนส่งทางเรือ (บริษัทขายสินค้าแบบ FOB เป็นหลัก โดยธุรกิจแบบ CIF มีสัดส่วนราว 3% ของค่าใช้จ่ายรวม) รวมถึงงบการตลาดที่เพิ่มขึ้น

บริษัทยังคงเดินหน้าตามโครงการ Transformation โดยโครงการ Sonar จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2025 ส่วนโครงการ Tailwind จะสิ้นสุดในปี2569 โดยคาดว่าอัตราภาษีจ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 12%

ทางฝ่ายนักวิเคราะห์ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความชัดเจนของอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ (US Tariff) ที่ประกาศอยู่ที่ 19% ซึ่งต่ำกว่าที่เคยกังวลไว้ที่ 36%

ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2569 จากความสามารถของบริษัทในการพัฒนาสินค้าที่มีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีในสภาวะปัจจุบัน โดยมีราคาเป้าหมายที่ 15.30 บาท อ้างอิงกำไรปี 2569 ที่ PER Forward 14 เท่า เทียบกับปัจจุบันที่ PER ปี 2569 อยู่ที่ 11.7 เท่า และคาดว่า Dividend Yield ปี 2569 จะอยู่ที่ราว 4.8%

Back to top button