
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 144 จุด! รับแรงซื้อคืน หนุนความหวัง “เฟด” ลดดอกเบี้ยปลายเดือนนี้
นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นสหรัฐฯ หลังแรงขายต้นสัปดาห์เริ่มคลาย ดันดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 140 จุด หนุนโดยผลประกอบการเชิงบวกของกลุ่มอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ขณะตลาดรอผลเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งอาจชี้ทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของเฟดปลายเดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค.68) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นคืนหลังร่วงกลางสัปดาห์ แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาผสมผสาน และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะ “ชัตดาวน์” โดยนักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI) เดือนกันยายนที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นสัญญาณสำคัญก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วงปลายเดือนตุลาคม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 46,734.61 จุด เพิ่มขึ้น 144.20 จุด หรือ +0.31% ขณะที่ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,738.44 จุด เพิ่มขึ้น 39.04 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,941.80 จุด เพิ่มขึ้น 201.40 จุด หรือ +0.89%
แรงซื้อกระจุกตัวในหุ้นเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม โดย Honeywell Inc. พุ่งกว่า 7% หลังรายงานกำไรไตรมาส 3 เหนือคาดและปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี ส่วน American Airlines เพิ่มขึ้น 6% หลังขาดทุนต่ำกว่าคาดและให้แนวโน้มเชิงบวก
Tesla รีบาวด์ 2% หลังรายงานผลประกอบการแบบ “ครึ่งดีครึ่งแย่” แต่แรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้าย ขณะที่ IBM ลดช่วงขาดทุนหลังมีกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แม้รายได้จากซอฟต์แวร์อยู่ในระดับทรงตัว
ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude) ดีดกลับใกล้ 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังพุ่งขึ้นกว่า 5.5% เมื่อคืนที่ผ่านมา จากแรงซื้อเก็งกำไรและผลจากมาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันใหญ่ของรัสเซีย 2 ราย โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่ารัสเซีย “ขาดความจริงใจต่อกระบวนการสันติภาพในยูเครน”
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียกลับมาสูงขึ้น หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย 2 ราย ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่ง หนุนแรงซื้อในหุ้นพลังงาน
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า กว่า 80% ของบริษัทใน S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาด
เอมิลี บาวเวอร์ซ็อค ฮิลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bowersock Capital Partners กล่าวว่า “แม้หุ้นบางตัวจะถูกเทขายหลังพลาดเป้ากำไร แต่โดยรวมแล้วผลประกอบการยังแข็งแรงพอจะพยุงตลาดได้ในระยะสั้น ฤดูกาลนี้ไม่น่าจะทำให้นักลงทุนผิดหวังจนเกิดการปรับฐานใหญ่”
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า Core CPI เดือนกันยายน จะเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และ 3.1% จากปีก่อน เท่ากับระดับเดือนสิงหาคม แม้เงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด แต่คาดว่า เฟดยังคงมีแนวโน้ม ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมปลายเดือนนี้ เนื่องจากให้ความสำคัญกับภาวะตลาดแรงงานที่ยังอ่อนแรง
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวบริเวณ 99 จุด ส่วนราคาทองคำดีดกลับเล็กน้อยจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังร่วงแรงต้นสัปดาห์
โดยสรุป ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มกลับมามีแรงซื้อหลังความกังวลผลประกอบการคลี่คลาย โดยแรงหนุนจากราคาน้ำมันและแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ยอาจช่วยพยุงความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะสั้น ขณะที่การประกาศเงินเฟ้อคืนนี้จะเป็นตัวชี้ชะตาทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้า

