
OR โชว์งบ Q3 พลิกกำไร 2.6 พันล้านบาท ดันงวด 9 เดือนโตเกือบเท่าตัว
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก OR รายงานไตรมาส 3/68 พลิกมีกำไรสุทธิ 2,614 ล้านบาท จากขาดทุน 1,609 ล้านบาทในปีก่อน ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไร 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.36%
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิดังนี้
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 OR มีรายได้ขายและบริการ 153,600 ล้านบาท ลดลง 13,566 ล้านบาท ลดลง 8.1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ ในไตรมาสนี้กลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.7% จากปริมาณจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์ตลาดที่แข่งขันสูง แม้ว่าราคาจำหน่ายเฉลี่ย ต่อลิตรปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 19.0% จากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลมาจาก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาและกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง0.5% จากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามปัจจัยฤดูกาล
ในไตรมาส 3/68 มี EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท (+7.2%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 โดยเพิ่มขึ้นจาก กลุ่มธุรกิจ Mobility ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากดีเซลและเบนซินในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Global ลดลงจาก กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก เช่นเดียวกับ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ลดลงเล็กน้อยจากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตาม ปัจจัยฤดูกาล
สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น ในไตรมาสนี้อัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัว ส่งผลให้เกิดผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย รวมทั้งมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทำให้ในไตรมาส 3/68
ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 OR มีรายได้ขายและบริการ 503,188 ล้านบาท ลดลง 34,866 ล้านบาท ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับ 9 เดือรแรกปี 2567 โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.8% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับปริมาณจำหน่ายที่ลดลงเช่นเดียวกัน และกลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 9.2% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับลดลง แต่ภาพรวมปริมาณจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyleเพิ่มขึ้น 5.2% จากทั้งธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามการขยายสาขา
ในงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มี EBITDA จำนวน 15,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,135 ล้านบาท (+24.5%)จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจ Mobilityจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากเบนซินและดีเซล กลุ่มธุรกิจ Lifestyleเพิ่มขึ้นจาก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับใน 9 เดือนแรกปี 2567 มีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extra Item) สำหรับการยุติธุรกิจที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามแผน และกลุ่มธุรกิจ Global ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหลักจากประเทศสปป. ลาว ที่มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรสูงขึ้น
สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่าย ดำเนินงานปรับลดลง 9.5% จากค่าจ้างบุคคลภายนอกและค่าเช่า สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investment) ภาพรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในงวด 9 เดือนแรก 2567 ในงวดนี้อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ ส่งผลให้ใน 9 เดือนปี 2568


