
“ดาวโจนส์” ปิดลบ 399 จุด แรงขายหุ้นเทคฉุด หลังวิตกฟองสบู่ AI
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงเกือบ 399 จุด แรงขายหุ้นเทคโนโลนี กดดันตลาดวอลล์สตรีทร่วงต่อ นักลงทุนวิตกฟองสบู่ AI หลังยอดปลดพนักงานพุ่ง ขณะรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ยืดเยื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.68) จากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความกังวลว่าราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวสูงเกินพื้นฐานและอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 46,912.30 จุด ลดลง 398.70 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,720.32 จุด ลดลง 75.97 จุด หรือ -1.12% และ ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 23,053.99 จุด ลดลง 445.80 จุด หรือ -1.90%
หุ้นในกลุ่ม AI ดิ่งลงหนัก โดยเฉพาะกลุ่ม “Magnificent Seven” ก็ถูกเทขาย โดย Nvidia ร่วง 3.6%, Meta ลดลง 2.6% และ Microsoft อ่อนตัว 2% ส่งผลให้ดัชนี VIX ซึ่งสะท้อนความผันผวนของตลาดพุ่งขึ้นกว่า 8%
บรรยากาศลงทุนยังถูกกดดันจากการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 37 ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจหลักไม่ถูกเปิดเผย
ขณะเดียวกัน รายงานจากบริษัทที่ปรึกษา Challenger, Gray & Christmas ระบุว่า ภาคเอกชนสหรัฐฯ ปลดพนักงานรวม 153,074 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นถึง 183% จากปีก่อนหน้า และสูงสุดสำหรับเดือนตุลาคมนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ซึ่งปลดพนักงานกว่า 33,000 ตำแหน่ง สะท้อนแรงปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อตอบรับยุค AI
นักวิเคราะห์จาก Simplify Asset Management มองว่า ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแรงของตลาดแรงงานเร็วกว่าที่เฟดประเมินไว้ ขณะที่ ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก ระบุว่า การขาดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ ทำให้เฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยได้ยากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เริ่มปรับสูงขึ้นอีกครั้ง
ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลแล้ว 424 แห่ง มีถึง 83% ที่ทำได้ดีกว่าคาด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า รายได้รวมของกลุ่มจะขยายตัว 16.8% ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่เคยคาดไว้เพียง 8%
ในรายบริษัท DoorDash ร่วง 17.5% หลังเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด ขณะที่ Snap พุ่ง 9.7% หลังรายงานกำไรดีกว่าคาดและประกาศร่วมมือทางธุรกิจกับ Perplexity AI

