“อนุทิน” สั่งเบรก! ทุกปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชา หลังทหารเจ็บ 2 นาย บินศรีสะเกษพรุ่งนี้

นายกฯ “อนุทิน” สั่งเด็ดขาดหยุดทุกอย่าง หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ 2 นาย เตรียมบินลงพื้นที่ศรีสะเกษ 11 พ.ย. พร้อมชะลอประกาศต่ออายุใบอนุญาตแรงงานกัมพูชาเกือบแสนคนที่หมดอายุให้พำนักในประเทศไทยต่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ขณะปฎิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง ส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บ 2 นาย ว่า ได้รับทราบแล้วเห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาโดยตลอด จะหยุดทุกอย่าง

หยุดจนกว่าจะมีความชัดเจน ตอนนี้ผมจะแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศว่า ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น สิ่งที่มันเกิดขึ้นนี้ ทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ที่เราคิดว่ามันจะลดลงไปต่อความมั่นคงของชาติมันไม่ได้ลด เมื่อมันไม่ได้ลดเราก็ดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมระบุว่า ส่วนรายละเอียดจะให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกองทัพออกมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า “สิ่งที่ผมยืนยันกับท่านไปแล้วก็คือว่า ท่านว่าไปเลยผมอยู่กับท่าน ผมตามท่านทุกอย่างครับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันพรุ่งนี้ (11 พ.ย.68) จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี หันกลับมาตอบว่า ต้องไปสิ ทหารของเราถึงขั้นขาขาด

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมเรื่องส่งตัวเชลยศึก 18 คน จะต้องชะลอใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า “หยุดเลย”

เวลา 16:30 น. เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพอากาศไทย” โพสต์ข้อความระบุว่า ได้ ยุติการดำเนินการตามทุกข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา จนกว่าการปฏิบัติการใดของฝ่ายกัมพูชาที่แสดงถึง “ความเป็นปฏิปักษ์” จะสิ้นสุดลง

กองทัพอากาศยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

ด้าน นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งชะลอการลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ซึ่งเสนอในสมัยรัฐบาลก่อนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีแรงงานสัญชาติกัมพูชาเกือบ 100,000 คน  ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และไม่สามารถยืนยันตัวตน หรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน หากอนุญาตให้อยู่ต่อ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงปัญหาการลักลอบเข้าเมืองหรืออาชญากรรมข้ามชาติ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“อนุทิน” สั่ง “กลาโหม-กต.” ประท้วงกัมพูชา ผ่าน IOT หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดเจ็บ 2 นาย

Back to top button