
ครม.ขยับโควตานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปิดเอกชนใช้เกณฑ์ซื้อผลผลิตไทย 3 ต่อ 1
ครม.เห็นชอบปรับเพดานโควตานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็น 1 ล้านตัน ภาษี 0% ผลจากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ รัฐบาลชุดก่อน พร้อมเปิดทางเอกชนใช้เกณฑ์ซื้อผลผลิตในประเทศ 3 ส่วน ต่อต่างประเทศ 1 ส่วน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย. 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางบริหารจัดการนำเข้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2569 ตามมติครม. ปรับเพดานโควตาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จาก 54,700 ตันต่อปี ในอัตราภาษี 20% เป็นโควตา 1,000,000 ตันต่อปี ในอัตราภาษี 0%
การปรับโควตาครั้งนี้เป็นผลจากการเจรจา Reciprocal Tariffs กับสหรัฐฯ ของรัฐบาลชุดก่อน และมีข้อเสนอให้ปลดล็อกโควตาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
อย่างไรก็ดีวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ในการนำเข้าโควต้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อาจจะมีผลกระทบกับเกษตรกรและราคาข้าวโพดในภาพรวมแต่ในข้อเท็จจริง จำนวนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย มีความจำเป็นต้องใช้มากกว่าการผลิตในประเทศ ดังนั้นการจะทำให้มีเสถียรภาพของราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ จำเป็นต้องมีมาตรการในการบริหารจัดการ
ส่วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอสงวนความเห็นต่อมติ ครม. โดยให้เหตุผลว่า นโยบายนี้กระทบต่อเกษตรกร โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ภาคเกษตรกรเพาะปลูกได้
หลังพิจารณา ครม. จึงมีมติให้ ปรับช่วงเวลาเปิดนำเข้าใหม่ จากเดิม 1 กุมภาพันธ์ – 31 สิงหาคม ของทุกปี เป็น 1 กุมภาพันธ์–30 มิถุนายน เพื่อไม่ให้ชน กับช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตในประเทศช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม
พร้อมกันนี้ ยังปรับหลักเกณฑ์ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากระบบภาครัฐ เป็นระบบเปิดให้เอกชนนำเข้าได้ ภายใต้เงื่อนไขว่า ผู้นำเข้าต้องซื้อผลผลิตข้าวโพดจากเกษตรกรไทย 3 ส่วน ต่อการนำเข้า 1 ส่วน เช่น หากต้องการนำเข้า 100 กิโลกรัม ต้องมีสัญญาซื้อข้าวโพดในประเทศ 300 กิโลกรัม เพื่อให้เกิดกลไกพยุงราคาผลผลิตและช่วยดูดซับของเกษตรกรในตลาด
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายผลผลิตข้าวโพด รวมถึงมาตรการเปลี่ยนตลาดและอุดหนุนราคา

