
MRDIYT กระต่ายตื่นตูม.!
พลันที่เห็นหุ้นไอพีโอป้ายแดง MRDIYT หลุดจองปุ๊บ...ดราม่าก็บังเกิดปั๊บ มีการหยิบเอาประเด็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นล็อตใหญ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทันที...
พลันที่เห็นหุ้นไอพีโอป้ายแดงบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT หลุดจองปุ๊บ…ดราม่าก็บังเกิดปั๊บ มีการหยิบเอาประเด็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นล็อตใหญ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทันที…
แหม๊…อีตอนปิดเทรดวันแรกไม่ต่ำจอง ไม่ยักจะมีใครพูดถึงประเด็นนี้แฮะ..!!
แต่พอหุ้นหลุดจองเท่านั้นแหละ…ก็พยายามไปควานหาเหตุมาเติมผลกันให้ควัก…
โดยข้อเท็จจริงในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) ของ ก.ล.ต. พบว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้น MRDIYT เข้าเทรด “จอมพงษ์ โตมงคล” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ได้ขาย Big Lot จำนวน 245 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.0717% ที่ราคาไอพีโอให้กับ Mr.Tan Yu Yeh, Mr.Tan Yu Wei และ Mr. Toh Hooi Hak
ส่งผลให้เขาเหลือถือหุ้น 985.51 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.3786% จากเดิมถือหุ้นอยู่ 1,230.51 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.4503%
ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถูกระบุไว้ชัดเจนในหนังสือชี้ชวน หรือไฟลิ่งแล้วนะว่า “จอมพงษ์ โตมงคล มีความประสงค์จะขายหุ้น Big Lot ในกระดานรวมทั้งสิ้น 245 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.07% ให้กับ Mr.Tan Yu Yeh, Mr.Tan Yu Wei และผู้ถือหุ้นหนึ่งรายในกลุ่มผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซียอื่น จํานวน 118,235,000 หุ้น 53,930,100 หุ้น และ 72,834,900 หุ้น ตามลําดับ หรือคิดเป็น 1.96%, 0.90% และ 1.21%”
ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่หุ้น MRDIYT เข้าเทรดแล้วนะ…
แต่ยังเกิดปรากฏการณ์กระต่ายตื่นตูมอีก…บ่เข้าใจ๋ ๆๆ
ถามว่าทำไม “จอมพงษ์” ต้องขายหุ้นในกระดานตั้งแต่วันแรกด้วยล่ะ..??
ถ้าให้ประเมินคงหนีไม่พ้นเรื่องของการบริหารภาษีแหละ…หากขายพ่วงตอนไอพีโอต้องเสียภาษีก้อนโต แต่การขายหุ้นในกระดานไม่ต้องเสียภาษีสักแดงเดียวนะสิ…
เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นเดิมบางรายจึงใช้มุกนี้…ขายหุ้นในกระดานตั้งแต่วันแรก เพื่อหลบเลี่ยง อุ้ย…บริหารภาษีนั่นเอง
ซึ่งทำได้…ไม่ใช่เรื่องผิดแผกอะไร ก่อนหน้านี้ก็มีหุ้นหลาย ๆ ตัวที่ทำ…ไม่ว่าจะเป็นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ซึ่งวันแรกที่เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (3 พ.ย. 2557) “หมอปุย-พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ” ลูกสาวคนที่ 4 ของ “หมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” ได้ขาย Big Lot หุ้น BA จำนวน 210 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ให้กับนักลงทุนสถาบัน เช่น ธนาคารกรุงเทพ ที่ราคาไอพีโอ 25.00 บาท มูลค่ารวม 5,250 ล้านบาท
หรือกรณีบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ขายหุ้นตั้งแต่วันแรก เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ธนาคารเครคิตสวิส ประเทศสิงคโปร์ วงเงินต้น 39 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีหุ้นแอร์เอเชียเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมีการระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนแล้ว
รวมทั้งกรณีหุ้นลิสซิ่งล้านนา บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG วันแรกที่เข้าเทรดผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มทวีเฮงและกลุ่มพัฒนสิน ก็ได้ขายบิ๊กล็อตออกมา 381 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ที่ราคาไอพีโอให้กับธนาคารกสิกรไทยเช่นกัน
ถ้าสังเกตจะเห็นว่าสิ่งที่ทุกบริษัททำเหมือนกันหมด คือการระบุไว้อย่างชัดเจนในหนังสือชี้ชวนแล้ว…ขึ้นอยู่ที่ว่าได้อ่านข้อมูลกันหรือเปล่า..??
กลับมาที่ MRDIYT ถ้าไปส่องผลงานช่วงที่ผ่านมา รายได้และกำไรก็เติบโตต่อเนื่องนะ โดยปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,941.19 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,051.22 ล้านบาท ถัดมาปี 2566 มีรายได้รวม 12,832.23 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,381.07 ล้านบาท และ ปี 2567 มีรายได้รวม16,214.40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,780.25 ล้านบาท
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,470.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,176.44 ล้านบาท
ต้องบอกว่า ปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด…คงต้องรอการประกาศงบงวดไตรมาส 3/2568 แล้วล่ะ ถ้าออกมาปังก็น่าจะช่วยกู้วิกฤตศรัทธาให้กับ MRDIYT ได้..??
ส่วนคนที่ติดหุ้นอยู่ตอนนี้ก็รอหน่อยละกัน…ให้คิดซะว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน…จะได้สบายใจ
…อิ อิ อิ…