SMO กำไร 9 เดือนพุ่ง 113% เคาะปันผล 0.15 บาท ลุยลงทุน “โรงงานปาล์มดิบ” ใหม่ 960 ล้านบาท

SMO โชว์ผลงาน 9 เดือนรายได้โต 49% ดันกำไรเพิ่มเท่าตัว พร้อมปันผล 0.15 บาท และไฟเขียวลงทุนโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบ จ.นครศรีธรรมราช มูลค่าสูงสุด 960 ล้านบาท หนุนกำลังการผลิตแตะ 390 ตันต่อชั่วโมงในอนาคต


นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 7,180.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,365.81 ล้านบาท หรือร้อยละ 49.14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,814.77 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 652.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 113.39 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 305.57 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการจำหน่ายเมล็ดในปาล์มอบแห้ง ผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง และรายได้จากการขายไฟฟ้าที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเดินเครื่องโรงงานของกลุ่มบริษัทได้เต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ปีก่อนโรงงานเอแอลอยู่ระหว่างปรับปรุงเครื่องจักร อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายน้ำมันปาล์มดิบลดลง เนื่องจากบริษัทมีการรวบรวมน้ำมันปาล์มดิบเพื่อรอส่งมอบตามสัญญาต่างประเทศในต้นไตรมาส 4 ปี 2568 ปริมาณ 32,000 ตัน ซึ่งได้ดำเนินการส่งมอบและรับรู้รายได้ครบถ้วนในเดือนตุลาคมแล้ว

บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดอัตราหุ้นละ 0.15 บาท จากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยกำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายปันผลวันที่ 11 ธันวาคม 2568

ด้านสถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่อง 1.04 เท่า อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.29 เท่า และอัตราความสามารถในการชำระดอกเบี้ย 20.00 เท่า โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรกจำนวน 1,193.33 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมฐานะทางการเงินให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ในพื้นที่ตำบลช้างซ้าย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช มูลค่ารวมไม่เกิน 960 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน 120 ล้านบาท และเงินลงทุนก่อสร้างโรงงาน 840 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 320–370 ล้านบาทใช้ลงทุนในโครงการ และส่วนที่เหลือจัดหาเพิ่มเติมจากเงินกู้สถาบันการเงิน 550–600 ล้านบาท รวมถึงกระแสเงินสดของบริษัท

โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินรวม 214 ไร่ 1 งาน 3 ตารางวา และเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตประมาณ 75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 18–20 เดือน และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 2571 ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มเป็น 315 ตันต่อชั่วโมง และหากรวมกำลังการผลิตจากโรงงานสาขาพนม ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องในเดือนเมษายน 2569 จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 390 ตันต่อชั่วโมง

การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้สอดคล้องกับทิศทางความต้องการน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในช่วง 5 ปี พบว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของความต้องการอยู่ที่ร้อยละ 2.1 หรือคิดเป็นประมาณ 3.1 ล้านตันต่อปี การลงทุนก่อสร้างโรงงานใหม่จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยเพิ่มรายได้และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว

สำหรับทำเลโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกปาล์มน้ำมันที่เติบโตสูง และมีการแข่งขันรับซื้อวัตถุดิบไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการซื้อน้ำมันปาล์มดิบของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Back to top button