
IVL เร่งเดินหน้า “Self-Help” เสริมแกร่ง ดันผลงานฟื้นตัว
IVL รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 อ่อนตัวจากภาวะอุตสาหกรรมเคมีโลกผันผวน แม้ปริมาณขายลดลงแต่ยังเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจภายใต้แผน “IVL 2.0” พร้อมคุมต้นทุน เสริมประสิทธิภาพ และเร่งสร้างกระแสเงินสด รองรับการฟื้นตัวใน 12–24 เดือนข้างหน้า
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ซึ่งชะลอตัวลงตามภาวะอุตสาหกรรมเคมีโลกที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง โดยบริษัทรายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 285 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ปริมาณการขายหดตัวร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบปีต่อปีจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ทั้งยังประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.175 บาทต่อหุ้น
สถานการณ์อุตสาหกรรมเคมีโลกยังได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานล้นตลาดและความต้องการที่ซบเซา ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดระเบียบใหม่ของอุตสาหกรรมเคมีโลก
อินโดรามา เวนเจอร์สได้ดำเนินแผน “IVL 2.0” ตั้งแต่ปี 2566 เพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงานในยุโรปและความเหลื่อมล้ำด้านราคาวัตถุดิบโพลีเอสเตอร์ระหว่างภูมิภาค โดยผลประกอบการในปี 2568–2569 คาดว่าจะยังอ่อนตัวต่อเนื่องจากการเจรจาด้านภาษีที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ รวมถึงความไม่ต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท กล่าวว่า อุตสาหกรรมกำลังเผชิญแรงกดดันด้านมาร์จิ้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ผู้ประกอบการและรัฐบาลหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ บราซิล และยุโรป เริ่มดำเนินมาตรการแก้ไขแล้ว แต่อุตสาหกรรมยังจำเป็นต้องเร่งสร้างสมดุลอุปสงค์–อุปทานให้กลับมาสู่ระดับเหมาะสมภายใน 12–24 เดือน โดยหวังเห็นการฟื้นตัวของการบริโภคลักษณะเดียวกับภาคท่องเที่ยวหลังโควิด-19 พร้อมชี้ว่าการยุติความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครนจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของยุโรป
ภายใต้แผน IVL 2.0 บริษัทมุ่งเน้นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านความยั่งยืน โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 985 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการแปลง EBITDA อยู่ที่ร้อยละ 121 แสดงถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน
ด้านมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน บริษัทได้ขายกิจการ Wellman International ในไอร์แลนด์ในไตรมาส 3 เพื่อปรับโครงสร้างกำลังการผลิตและลดต้นทุนคงที่ โดยต้นทุนคงที่ลดลงแล้ว 130 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2566 นอกจากนี้ยังเตรียมรับรู้รายได้กว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2569 จากการขายที่ดินและทรัพย์สินในออสเตรเลีย เมืองรอตเตอร์ดัม และประเทศแคนาดา
นายอาลก โลเฮีย กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการ “Self-Help” มีบทบาทสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของบริษัทในการรับโอกาสใหม่ เมื่ออุปสงค์ผู้บริโภคและการค้าระหว่างประเทศกลับมาฟื้นตัว พร้อมคาดว่าอุตสาหกรรมจะเกิดการควบรวมกิจการและความร่วมมือเพิ่มขึ้นในอีก 12–24 เดือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจและคุณภาพงบการเงินของบริษัทในระยะยาว
แม้บริษัทเดินหน้าปรับโครงสร้างอย่างเข้มข้น แต่ระดับหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ยังคงอยู่ในระดับสูงท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้บริษัทต้องดำเนินนโยบายการจัดสรรเงินทุนอย่างระมัดระวัง โดยผู้บริหารเชื่อว่าราคาหุ้นของบริษัทยังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง ซึ่งจะชัดเจนขึ้นเมื่อผลของการปรับโครงสร้างสะท้อนในผลประกอบการและระดับหนี้ปรับตัวลง

