อย่าหมดหวังหุ้นไทย!

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินเสียงบ่นจากนักลงทุนรายใหญ่ และรายเล็กดังกึกก้องทั้งสัปดาห์ โดยเรื่องหลัก ๆ ที่เม้าท์ก็หนีไม่พ้นแรงขายที่ออกมาถี่ ๆ


สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินเสียงบ่นจากนักลงทุนรายใหญ่ และรายเล็กดังกึกก้องทั้งสัปดาห์ โดยเรื่องหลัก ๆ ที่เม้าท์ก็หนีไม่พ้นแรงขายที่ออกมาถี่ ๆ จนดัชนีร่วงหลุดแนวรับ 1,300 จุดอย่างง่ายดาย และกำลังลงไปทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,265 จุด ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่า นักลงทุนสถาบันจะกลับเข้ามาช้อนหุ้นหรือเปล่า? เพราะราคาหุ้นที่บริเวณนี้ถือว่าถูกมาก ๆ นะซี

ด้วยเหตุนี้ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,269.26 จุด ลบไป 18.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.2หมื่นล้านบาท ท่ามกลาง PE 15.87 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.62% เป็นระดับที่เหมาะต่อการลงทุนขนาดไหน? เพราะอีฉันไม่อยากชี้นำอะไรไปมากกว่านี้ ผนวกกับที่ผ่านมาถูกหลายคนมองว่า ออกหน้าเชียร์หุ้นไทยมากเกินไป ทั้งที่อะไรหลายอย่างไม่ค่อยเป็นเหมือนที่ประเมินไว้นะจ๊ะ

ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ก็อยากให้นักลงทุนมองผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่ออกมาทั้งดีและไม่ดี แต่ราคาหุ้นก็ตอบรับเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วนั้น ก็ถึงเวลาที่ตลาดหุ้นไทยจะตั้งฐานเพื่อรอเวลาเทคตัวขึ้นใหม่อีกรอบ เพราะมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับงบไตรมาส 4 ที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า น่าจะออกมาดี หลังรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบสุดซอย และจะทำให้จีดีพีไตรมาสนี้โตดีสุด ๆ เจ้าค่ะ

ในเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น อีฉันก็มองว่า การร่วงลงของหุ้น MTC ลงมายืนปิดที่ระดับ 35 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 5.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 586 ล้านบาท คือโอกาสของการช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต หลังราคาหุ้นลงมาใกล้จุดเด้งกลับที่บริเวณ 34 บาท ผนวกกับวันนี้หุ้นเทรดบน PE 12 เท่า จึงทำให้อีฉันเชื่อว่า ความเสี่ยงในการลงทุนมีไม่มาก เพราะการไหลลงไปลึกกว่าระดับดังกล่าว มันไม่เมคเซนส์พะยะค่ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้น IRPC เป็นรายถัดมา หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.01 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 2.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64 ล้านบาท อีฉันถือเป็นจุดที่น่าลงทุนจริง ๆ เพราะเป็นการลงมายืนที่บริเวณจุดเด้งครั้งก่อน ผนวกกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เริ่มกลับมามีกำไร อีฉันเลยมองว่า น่าจะมีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาในหุ้นตัวนี้อีกครั้งก็เท่านั้นเอง

เม้าท์ถึงเรื่องมีหวังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้น EA เพื่อชี้ให้เห็นผลงานไตรมาส 1 กำไรกว่า 200 ล้าน พอถึงไตรมาส 2 ขาดทุนกว่า 700 ล้าน ขณะที่ไตรมาส 3 มีกำไรกว่า 200 ล้าน อาจเป็นภาพที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจก็จริง แต่ถ้าดูจากแผนพลิกฟื้นธุรกิจด้วยการทำให้สภาพคล่องดีขึ้น และเร่งระบายรถเมล์ไฟฟ้า อีฉันก็มองว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.82 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 98 ล้านบาท ท่ามกลาง BV 5.16 บาท น่าสนใจเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับหุ้นโรงเรียนของหนู SISB ถูกรินขายเป็นเวลานาน ทั้งที่ทุกคนรู้แก่ใจว่า นี่เป็นหุ้นที่ทำกำไรโตต่อเนื่องทุกปี จนวานนี้เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 6.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 265 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการไหลตามน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะราคาเฉลี่ยเหมาะสมที่โบรกให้ไว้อยู่แถว 20 บาทไงล่ะคะ

ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่ทำผลงานสุดบรรเจิดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปมองหุ้น MAGURO เพื่อให้เห็นการไม่กระโดดลงไปเล่นในเกมสงครามราคา และพยายามเจาะตลาดเฉพาะทาง กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้กำไรไตรมาส 3 โดเป็นประวัติการณ์ และทำให้เชื่อว่า ปีหน้าคงโตได้อีกแบบนี้ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.50 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 8.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77 ล้านบาทแบบชิล ๆ และได้ข่าวว่า จะมีการอัพเป้าอีกนะนายจ๋า!

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button