ดักเก็บบลูชิพ

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET Index อ่อนตัวลง ปิดที่ระดับ 1,254.40 จุด ลบไป 27.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.61 หมื่นล้านบาท


ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET Index อ่อนตัวลง ปิดที่ระดับ 1,254.40 จุด ลบไป 27.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.61 หมื่นล้านบาท เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังความหวังที่ว่า “เฟด” จะไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหมดลง เมื่อตัวเลขการจ้างงานภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ “โมนิก้า” ก็ต้องนั่งขบคิดเหมือนกันว่า นักลงทุนอาจควรกำหนดถือเงินสดสัดส่วนมากกว่า 50% เพื่อรอจังหวะตลาดฟื้นตัว ลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้นนี้ได้

ขณะเดียวกัน วอลุ่มการซื้อขายยังคงเบาบางต่อเนื่อง อยู่ที่ราว 3–4 หมื่นล้านบาท สะท้อนความระมัดระวังของนักลงทุน แต่สำหรับนักลงทุนที่อยากเก็งกำไร หาค่าขนมในช่วงนี้ หุ้นบลูชิพยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเมื่ออ่อนตัวลง…มักฟื้นตัวเร็ว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ สื่อสาร และหุ้นใหญ่ใน SET50 ที่เป็นแกนหลักขับเคลื่อนตลาด “โมนิก้า” แนะนำว่าสามารถใช้จังหวะอ่อนตัวของหุ้นเหล่านี้ในการทยอยสะสมเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับรายของ KTB ที่ราคาหุ้นเสมอตัวปิดที่ระดับ 27.50 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 966 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่านี่แหละคือจังหวะทองของสายเก็งกำไรและนักสะสม เพราะสตอรี่น่าสนใจยังทยอยเข้ามาไม่หยุด ล่าสุดทำตลาดฮือฮา เมื่อชื่อ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่ง GULF ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นในพื้นฐานอันแข็งแกร่ง  แถมกูรูยังมองว่าไตรมาส 4/68 ค่าใช้จ่ายสำรองลดลง ส่งผลให้เป้าหมาย 30 บาทที่ให้ไว้ ดูไม่ไกลเกินเอื้อม “โมนิก้า” เลยขอชี้ชัดว่า ช่วงอ่อนตัวแบบนี้… น่ามองโอกาสสะสมมากกว่ากลัวเจ้าค่ะ

เหมือนกับรายของ KBANK เมื่อราคาหุ้นย่อลงมาปิดที่ระดับ 186.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  1.86 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าอาจเป็นจังหวะเข้าเก็งกำไร เพราะอนาคตยังสดใส ทางกูรูปรับประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้นราว 8% จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสูงกว่าคาด โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุน FVTPL นอกจากนี้ คาดว่ามีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษสำหรับผลประกอบการปีนี้อีกด้วยเจ้าค่ะ

ส่วนหุ้นสื่อสารอย่าง ADVANC “โมนิก้า” ยังมองว่ามีของดีอยู่เพียบ เพราะกูรูคาดว่าไตรมาส 4/2568 ยังไปได้สวย ทั้งเมื่อเทียบปีก่อนและไตรมาสก่อน จากแรงหนุนไฮซีซั่นมือถือ และต้นทุนคลื่น 2100MHz ที่ลดลงเต็มไตรมาส อีกทั้งยังมีอัพไซด์จากธุรกิจ AI และ Data Center ในระยะกลาง–ยาว ส่วนกำไรปีนี้คาดแตะ 4.4 หมื่นล้านบาท โต 25% จากช่วงปีก่อน ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นลงมาปิดที่ 312 บาท ลบไป 3 บาท หรือ 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่านี่คือจังหวะลงทุนเจ้าค่ะ

สอดคล้องกับรายของ GULF ที่ยังโตต่อเนื่องแบบไม่แผ่ว กูรูคาดกำไรไตรมาส 4/2568 จะออกมาแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งกำไรของ ADVANC ช่วงไตรมาส 4 ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลซึ่งเป็นจุดพีกของปี บวกกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งในไทยและเยอรมนี (BKR2) ที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซยังลดลง แถมยังมีโครงการใหม่เตรียม COD ช่วงปลายไตรมาส 4 อีกด้วย ดังนั้นเมื่อราคาหุ้น GULF ลงมาปิดที่ 40.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  1.16 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่านี่อาจเป็นโอกาสที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามเจ้าค่ะ

ปิดท้ายที่รายของ PTTEP โมนิก้ามองว่าน่าสนใจ เพราะกูรูคาดกำไรไตรมาส 4/2568 ฟื้นเด่น ตามปริมาณขายน้ำมันที่กลับมาราว 5.35–5.50 แสนบาร์เรล/วัน หนุนจากแหล่งอ่าวไทย การรับรู้รายได้จากแหล่ง A18 และฤดูกาลเร่งซื้อของลูกค้าในตะวันออกกลางแอฟริกา ช่วยกลบค่าใช้จ่ายได้สบาย ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นลงมาปิดที่ 105.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 518 ล้านบาท ก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่อาจเป็นอีกหนึ่งจังหวะสวย ๆ สำหรับนักลงทุนเจ้าค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button