
TOP เติมเต็มมูลค่าเพิ่ม.!
เป็นที่รับรู้กันว่า หุ้นโรงกลั่นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ในกลุ่มปตท.มีภารกิจใหญ่ในการปลุกปั้นโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) เพื่อหวังเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน
เป็นที่รับรู้กันว่า หุ้นโรงกลั่นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ในกลุ่มปตท.มีภารกิจใหญ่ในการปลุกปั้นโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) เพื่อหวังเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน แต่เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับผู้รับเหมา จนลุกลามบานปลาย ทำให้ TOP ต้องมาทำโครงการ CFP เอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มราว 63,028 ล้านบาท ถือเป็นภารกิจที่หนักอึ้ง..!!
และอาจนำมาสู่ความเสี่ยงที่บริษัทจัดอันดับเครดิตจะปรับลดเครติดของ TOP ลง ด้วยเพราะต้นทุนทางการเงิน (ภาระดอกเบี้ย) จะพุ่งพรวดทันที…
โจทย์ใหญ่ของ TOP หากจะเดินหน้าโครงการ CFP ซึ่งตามแผนกำหนด COD ภายในไตรมาส 3 ปี 2571…สิ่งที่ต้องทำ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแอสเซทที่มีอยู่ หรือการทำ Asset Monetization เลยเป็นที่มาของมติบอร์ดเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2568 ไฟเขียวให้ทำ Asset Monetization โดยจะดำเนินการให้เช่าระยะยาวและเช่าช่วงทรัพย์สินกลับเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (Lease and Leaseback) ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ, ทุ่นผูกเรือกลางทะเล, สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดิน
วิธีการ TOP และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปตท. จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา โดย TOP ถือหุ้น 51% และ PTT Tank ถือหุ้น 49% โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะทำการเช่าสินทรัพย์ดังกล่าว เป็นระยะเวลา 21 ปี คิดเป็นมูลค่า 37,402 ล้านบาท จากนั้น TOP จะกลับมาเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์นั้นอีกที โดยมีสัญญา 3 ปี (แล้วต่ออายุ)
จากธุรกรรมดังกล่าว เบ็ดเสร็จแล้ว TOP จะได้รับเงินก้อนโตราว 18,230 ล้านบาท เพื่อนำไปลดภาระเงินกู้และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน…
ถ้ามองภาพจากข้างนอกเข้าไป สถานะการเงินของ TOP จะดีขึ้น…บริษัทจัดอันดับเครดิตที่เฝ้าจับตา ก็จะปลดล็อกความเสี่ยง แต่ต้องแลกมาด้วยจากเดิม TOP เคยกินรวบ (เป็นเจ้าของ 100%) ในสินทรัพย์ดังกล่าว ก็เปลี่ยนมาเป็นกินแบ่งตามโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแทน
เอ๊ะ..!! ว่าแต่นักวิเคราะห์มีมุมมองกับเรื่องนี้ยังไงบ้างนะ…ลองไปสแกนกันหน่อยดีกว่า..??
เริ่มที่ บล.ทรีนีตี้ มองว่าเป็นธุรกรรมที่สมเหตุสมผลต่อ TOP ระยะยาว ที่ต้องการรักษา Credit Rating ด้วยการทำ Asset Monetization Lease and Leaseback ไม่สร้างภาระให้แก่ฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งถ้าบริษัทยังรักษา Credit Rating ในระดับ Investment Grade ไว้ได้ จะสร้างความยืดหยุ่นในการใช้เครื่องมือทางการเงินในอนาคตต่อไปได้ เช่น การออก Perpetual Bond เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดจะส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับลดลงปีละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 4-5% จากประมาณการในปี 2569
สอดคล้องกับ บล.กรุงศรี ซึ่งมองบวกต่อการทำ Asset Monetization ที่ช่วยให้ลดภาระเงินกู้ และลดความเสี่ยงต่อการถูกปรับลด Credit rating แม้มีแนวโน้มต้องแบกรับ cost of fund เพิ่มราว 3.5% (นำเงินก้อนที่ให้เช่าทรัพย์ คาดต้นทุนเช่าช่วงราว 7.6% ไปชำระคืนหนี้ต้นทุนเฉลี่ยราว 4.1%) และมีผลกระทบต่อกำไรปกติปี 2569-2570 ราว 564 ล้านบาทต่อปี หรือราว 4.0-6.7% จากรับรู้กำไรของทรัพย์ได้น้อยลง
แต่จะช่วยให้ 1) ลด net debt/EBITDA และ net debt/equity ลง และช่วยลดความเสี่ยงที่อาจถูกปรับลด Credit rating ซึ่งกรณีถูกปรับลด rating 1 ขั้น อาจส่งผลให้ต้นทุนหนี้ (cost of debt) ของบริษัทเพิ่มได้ถึง 2% และทำให้ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มได้ถึง 1,631 ล้านบาท เทียบกับ cost of fund ที่เพิ่มขึ้นจาก Asset Monetization 638 ล้านบาท
2) ลดความเสี่ยงในการออกหุ้นกู้ไม่ได้หากถูกปรับลด credit rating
และ 3) เมื่อสถานะทางการเงินดีขึ้น หลังผ่านการเช่าช่วง 3 ปีไป TOP สามารถหยุดธุรกิจเช่าช่วงทรัพย์ได้ โดยจ่ายคืนส่วนต่างที่เหลือให้บริษัทย่อยของ PTT Tank (เสมือนการ refinance) เท่ากับไม่ได้ต้องแบกรับ cost of fund ที่สูงขึ้นไปตลอด 21 ปี
ฟาก บล.ดาโอ มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากการทำ Asset Monetization ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท และทำให้บริษัทสามารถนำเงินสดไปลดหนี้ได้ โดยบริษัทประเมินไว้ว่าจะได้รับเงินสดจากธุรกรรมนี้ประมาณ 1.82 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (net debt-to-equity ratio) ประมาณ 0.15 เท่า จากเดิม 0.60 เท่า ก่อนธุรกรรมนี้ และจะช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (net-debt-to-EBITDA ratio) ประมาณ 1.83 เท่า จาก เดิม 10.4 เท่า
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าธุรกรรมนี้จะมีผลกระทบที่จำกัดต่องบกำไรขาดทุน เนื่องจาก leased assets จะยังคงถูกรวมในงบรวมของบริษัท
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีมุมมองเป็นกลางต่อธุรกรรมนี้ เนื่องจากมุ่งหมายเพื่อการลดหนี้เป็นหลัก แต่ไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษ ทำให้ไม่เป็นบวกเท่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
ดู ๆ ไปการทำ Asset Monetization ของ TOP เข้าทำนองสั้นร้าย…แต่ยาวดีนะเนี่ย…โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองบวกกับธุรกรรมนี้…
งั้นต้องวัดใจผู้ถือหุ้น TOP ซึ่งจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ธ.ค. 2568 นี้ จะยกมือโหวตหรือไม่..?? ภายใต้เงื่อนไขต้องได้รับการเห็นชอบ 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วม และมีสิทธิ์ออกเสียงนะฮะคุณผู้ชมมมม..!!
…อิ อิ อิ…