
แรงโหม AI ปลุกดีมานด์ไฟฟ้าโลก
ถือเป็นข้อมูลน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวกับแวดวงการพลังงานโลก เมื่องานวิจัยของ Gartner ระบุว่า การใช้ไฟฟ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก จะเพิ่มจาก 448 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปี 2568 เป็น 980 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ภายในปี 2573
ถือเป็นข้อมูลน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวกับแวดวงการพลังงานโลก เมื่องานวิจัยของ Gartner (การ์ทเนอร์) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาสัญชาติอเมริกันระบุว่า การใช้ไฟฟ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก จะเพิ่มจาก 448 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปี 2568 เป็น 980 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ภายในปี 2573
โดย Linglan Wang ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ ระบุว่า แม้เซิร์ฟเวอร์ทั่วไปและโครงสร้างพื้นฐาน จะมีส่วนสำคัญต่อการบริโภคไฟฟ้าโดยรวมในดาต้าเซ็นเตอร์ แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกออกแบบหรือปรับ แต่งมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI (AI-Optimized Servers) กำลังเป็นตัวผลักดันให้การใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มสูงขึ้น
“ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า จาก 93 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปีนี้ เป็น 432 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปี 2573”
ข้อมูลจาก “การ์ทเนอร์” ประเมินว่า ปี 2568 การใช้พลังงานของ AI-Optimized Servers จะคิดเป็น 21% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในดาต้าเซ็นเตอร์ และภายในอีก 5 ปี ข้างหน้า (ช่วงปี 2573) จะเพิ่มเป็น 44% โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ จะใช้พลังงานคิดเป็น 64% ของความต้องการบริโภคพลังงานที่เพิ่มขึ้นในดาต้าเซ็นเตอร์
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาระดับภูมิภาค พบว่า มากกว่า 2 ใน 3 ของความต้องการพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์มาจากสหรัฐอเมริกาและจีน โดยจีนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า และมีการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า..!!
ส่วนการใช้ไฟฟ้าจากดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ ประเมินว่า จะเพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 7.8% ของการใช้ไฟฟ้าระดับภูมิภาคระหว่างปี 2568-2573 ขณะที่ยุโรปจะเพิ่มขึ้นจาก 2.7% เป็น 5% โดยคาดว่า การเติบโตในจีนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะอยู่ในระดับปานกลาง
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันเชื้อเพลิงฟอสซิล ยังถือเป็นสัดส่วนหลักของการผลิตไฟฟ้าให้ดาต้าเซ็นเตอร์ นับเป็นแนวทางที่ไม่ยั่งยืน ดังนั้นทางเลือกพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ ไฮโดรเจนสีเขียว พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์โมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMRs) กำลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
“ภายในสิ้นทศวรรษนี้จะกลายเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงสำหรับระบบไมโครกริดของดาต้าเซ็นเตอร์”
ขณะที่ Tony Harvey รองประธานและนักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ ระบุว่า ช่วงระยะสั้น ก๊าซธรรมชาติ จะเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ แต่ระยะยาวช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) เพื่อปรับสมดุลความผันผวนของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
แม้ว่าระบบไมโครกริดของพลังงานความร้อนใต้พิภพจะมีศักยภาพสูง แต่ด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่สูงและความท้าทายเรื่องการขออนุญาตทำให้ยังเป็นตัวเลือกเพียงเฉพาะกลุ่มช่วงเวลานี้..
การถั่งโถมโหมแรงธุรกิจ Data Center-AI กำลังปลุกดีมานด์ไฟฟ้าโลกอย่างก้าวกระโดด ว่าแต่จะมากขึ้นถึงขนาดไหนน่าติดตามอย่างยิ่ง..!!?