
“ดาวโจนส์” ปิดลบ 32 จุด นักลงทุนรอผลประชุม “เฟด” สัปดาห์หน้า
ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย 32 จุด นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานท่ามกลางความหวังว่า “เฟด” จะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ยังขาดปัจจัยใหม่ โดยตลาดประเมินข้อมูลเศรษฐกิจและสัญญาณจากตลาดแรงงาน ซึ่งสะท้อนภาพการฟื้นตัวแบบผสมผสาน ขณะที่ความหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้ายังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,850.94 จุด ลดลง 31.96 จุด หรือร้อยละ 0.07 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 6,857.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.40 จุด หรือร้อยละ 0.11 และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 23,505.14 จุด เพิ่มขึ้น 51.04 จุด หรือร้อยละ 0.22
หุ้นอเมซอนดอทคอมปรับตัวลงร้อยละ 1.4 กดดันดัชนีเอสแอนด์พี 500 หลังบริษัทเปิดเผยว่ากำลังหารือกับหน่วยงานไปรษณีย์สหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคตก่อนสัญญาจะหมดอายุในปีหน้า นอกจากนี้ การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลกลางที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้รายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนถูกเลื่อนออกไปหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ทำให้นักลงทุนต้องพึ่งพาข้อมูลด้านแรงงานอื่น ๆ ซึ่งยังสะท้อนภาวะที่ไม่ชัดเจน
กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าอาจเป็นผลจากช่วงวันหยุดเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาสาขาชิคาโกประเมินว่าอัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายนทรงตัวใกล้ระดับร้อยละ 4.4
ตลาดการเงินให้น้ำหนักความเป็นไปได้สูงถึงร้อยละ 87 ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ในเดือนธันวาคมนี้ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 68.6 ในเดือนก่อน ตามข้อมูลจากเครื่องมือเฟดวอทช์ ทูล ของซีเอ็มอี กรุ๊ป
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนกำลังรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาว่าจะตีความข้อมูลเศรษฐกิจอย่างไร แม้ถ้อยแถลงล่าสุดของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะสะท้อนจุดยืนที่ยังเข้มงวด แต่ตลาดยังคาดหวังการลดดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ โดยชี้ว่า รายงานการจ้างงานที่จะออกหลังการประชุมถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงิน
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.5 หลังการปรับลดข้อมูลของเดือนสิงหาคมเหลือเพียงร้อยละ 1.3 จากแรงกดดันของมาตรการภาษีที่ยังส่งผลต่อภาคการผลิต
ส่วนของหุ้นรายตัว หุ้นเซลส์ฟอร์ซพุ่งขึ้นร้อยละ 3.7 หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2569 โดยคาดว่าธุรกิจแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน หุ้นเมตาพลาตฟอร์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 หลังมีรายงานว่าจะปรับลดงบประมาณด้านเมตาเวิร์สลงมากถึงร้อยละ 30
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานอ่อนตัว นำโดยหุ้นโครเกอร์ที่ปรับลดลงร้อยละ 4.6 หลังปรับลดกรอบคาดการณ์ยอดขายประจำปีและรายงานยอดขายไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ ในทางกลับกัน หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัล เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 หลังประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปีนี้
นอกจากนี้ หุ้นสโนว์เฟลกลดลงร้อยละ 11.4 จากแนวโน้มรายได้สินค้าไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง ขณะที่หุ้นฮอร์เมล ฟูดส์ปรับขึ้นร้อยละ 3.8 หลังบริษัทคาดการณ์กำไรประจำปีเพิ่มขึ้นจากเดิม

