MIDA ยันไม่มีเอี่ยวกรณีศาลฯมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด “กมล เอี้ยวศิวิกูล”

MIDA แจงกรณีศาลฯมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด "กมล เอี้ยวศิวิกูล" ไม่เกี่ยวข้องบริษัท ยันไม่กระทบผลดำเนินงาน


บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ MIDA ระบุว่า ตามที่มีข่าวศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 นั้น บริษัทไมด้า แอสเซ็ท จำกัด(มหาชน) (บริษัทไมด้า) ชี้แจงว่าปัจจุบัน นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท กล่าวคือไม่ได้ถือหุ้น และไม่ได้เป็นกรรมการ และไม่ได้เป็นผู้บริหารของบริษัท ซึ่งนายกมล เอี้ยวศิวิกูล ได้พ้นจากเป็นผู้บริหารและกรรมการ เนื่องจากเกษียณอายุการทำงานไปตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2556 ซึ่งการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นายกมล เอี้ยวศิวิกูล บริษัทจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนกรณีสาเหตุที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นายกมล เอี้ยวศิวิกูล นั้น เนื่องจากเมื่อปี2550 ตามที่ บริษัทไมด้าได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท สมุย เพนนินซูลา จำกัด (บริษัท สมุย) ร่วมกับนางสุธาสินี (หรือสุทธิรัตน์)เสตะพันธุ (หรือ มุตตามระ) นายกมลฯ ได้เข้าไปเป็นกรรมการร่วมกับนางสุธาสินีฯ ในบริษัท สมุย และได้เข้าค้ำประกัน(ร่วม)เซ็นต์เช็คร่วมให้แก่บริษัทสมุย ต่อนาย ลินไทเมง ยอดเงินตามเช็ค 60 ล้านบาทเศษ

โดยนายกมลฯ เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คค้ำประกันร่วมกับนางสุธาสินีฯ ให้แก่บุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทสมุย หลังจากนั้น บริษัทไมด้า ได้มีกรณีพิพาททางกฎหมายกับนางสุธาสินีฯ และได้มีการบันทึกตั้งสำรองการลดมูลค่าเงินลงทุนในทุกบริษัทที่ได้ร่วมลงทุนกับนางสุธาสินีฯทั้งจำนวนไปตั้งแต่ปี 2555 ทั้งนี้บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและงบการเงินของบริษัทแต่อย่างใด

 

Back to top button