“อาม่า มารีน” ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO 108 ล้านหุ้น พร้อมเล็งเข้า mai

"อาม่า มารีน" ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ เน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวระหว่างประเทศเป็นหลัก ยื่นไฟลิ่งเตรียมขาย IPO จำนวน 108 ล้านหุ้น เข้า mai โดยมี บริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรก เมื่อวันที่ 23 ส.ค.59 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 108 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อลงทุนขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวระหว่างประเทศ คาดว่าจะใช้เงิน 295-348 ล้านบาท โดยระยะเวลาที่จะใช้เงินในช่วงปี 59-60 และใช้เพื่อลงทุนขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวในประเทศ คาดว่าจะใช้เงิน 44-55 ล้านบาท โดยระยะเวลาที่จะใช้เงินในช่วงปี 59-61 รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ คาดว่าจะใช้ตั้งแต่ปี 59 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะใช้เงินทุนส่วนหนึ่งในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุน จึงยังมีความไม่แน่นอน

โดยบริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ เน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ระหว่างประเทศเป็นหลัก ที่ผ่านมาบริษัทให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม และน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ทางเรือไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน บริษัทขยายเส้นทางการให้บริการขนส่งไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และยังมีแผนที่จะขยายเส้นทางการให้บริการไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ รวมถึงมีแผนจะขนส่งสินค้าเหลวประเภทอื่นด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัท เอ เอ็ม เอ โลจิสติกส์ จำกัด (AMAL) ในปี 57 เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ โดยเน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ภายในประเทศเป็นหลัก ณ วันที่ 30 มิ.ย.59 บริษัทฯ ถือหุ้นใน AMAL ในสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ปัจจุบัน AMAL ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และไบโอดีเซล B100 เป็นหลัก

โครงการในอนาคตของบริษัท ได้แก่ การลงทุนขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี (Oil and Chemical Tanker) เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ระหว่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี ออกไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (เช่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น) และภูมิภาคเอเชียใต้ (เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศปากีสถาน ประเทศศรีลังกา และประเทศบังคลาเทศ เป็นต้น)

โดยสินค้าที่บริษัทมีแผนจะให้บริการขนส่งยังคงเป็นสินค้าเหลว เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงสะอาด กากน้ำตาล สารเคมีที่มีความอันตรายไม่สูง เช่น เอทานอล (Ethanol) และ ไซลีน (Xylene) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนลงทุนซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีลำใหม่เพื่อทดแทนเรือที่กำลังจะปลดระวาง โดยบริษัท มีแผนจะลงทุนซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี จำนวน 3 ลำ ในระหว่างปี 59-60

ทั้งนี้การลงทุนขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน (Tank Truck) เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ในประเทศ  เพื่อรองรับความต้องการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและไบโอดีเซล B100 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีแผนจะให้บริการขนส่งสินค้าเหลว เช่น 1. ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม และ 2. เอทานอล โดยจะลงทุนซื้อรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 80 ถึง 100 คัน ในช่วงปี 59-561 มูลค่าประมาณ 440-550 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เงินทุนของบริษัทร่วมกับการขอสินเชื่อเช่าซื้อจากสถาบันการเงิน โดยคาดว่าจะใช้สินเชื่อเช่าซื้อประมาณ 90% ของมูลค่าเงินลงทุน

ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะใช้เงินทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ประมาณ 44-55 ล้านบาท และการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์ บริษัทมีแผนจะลงทุนขยายธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยบริษัทอาจเข้าซื้อสินทรัพย์หลักที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจหรือเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นที่ประกอบธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเป้าหมายของบริษัท

ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 30 มิ.ย.59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,764.15 ล้านบาท หนี้สินรวม 823.91 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 940.24 ล้านบาท โดยงวด 6 เดือนปี 59 บริษัทฯมีรายได้รวม 412.57 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56.84 ล้านบาท

โดย ณ วันที่ 15 ส.ค.59 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 215.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 431.60 ล้านหุ้น และมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 161.80 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญ 323.60 ล้านบหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 215.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 431.60 ล้านหุ้น มุลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 15 ส.ค.2559 คือ กลุ่มนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ และญาติสนิท  ถือหุ้น 170 ล้านหุ้น คิดเป็น 52.53% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 39.39% รองลงมาเป็น บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้น 103.60 ล้านหุ้น คิดเป็น 32.01% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 24% และกลุ่มนายพิศาล รัชกิจประการ และญาติสนิท ถือหุ้น 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.73% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 5.79%

บริษัทและบริษัทย่อย เอเอ็มเอ โลจิสติกส์ จำกัด มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฏหมายและเงินสำรองอื่น (ถ้ามี)

 

 

Back to top button