
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 1 ก.ย.59
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ อย่างไรก็ตาม บรรกาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ในวันนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,419.30 จุด เพิ่มขึ้น 18.42 จุด หรือ +0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,227.21 จุด เพิ่มขึ้น 13.99 จุด หรือ +0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.86 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ 0.00%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้น เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานที่บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้นเกือบ 0.1% ปิดที่ 343.66 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,439.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด หรือ +0.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,534.31 จุด ลดลง 58.38 จุด หรือ -0.55% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,745.97 จุด ลดลง 35.54 จุด หรือ -0.52%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ในขณะที่การแข็งค่าของเงินสกุลปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทส่งออก
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 35.54 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 6,745.97 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจในผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 43.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 45.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ รายงานดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงของสหรัฐนั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้มีน้อยลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,317.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 23.6 เซนต์ หรือ 1.26% ปิดที่ 18.943 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,048.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8.25 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 661.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตหดตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมองว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้มีน้อยลง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 103.27 เยน จากระดับ 103.44 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9796 ฟรังก์ จากระดับ 0.9832 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3103 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3121 ดอลลาร์แคนาดา
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1202 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1152 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3275 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3128 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7554 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7516 ดอลลาร์สหรัฐ