
จับตา 5 หุ้นมาแรงแนวโน้มแกร่งกว่าตลาด-ปัจจัยบวกเพียบ!
จับตา 5 หุ้นมาแรงแนวโน้มแกร่งกว่าตลาด-ปัจจัยบวกเพียบ!
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงแต่ไม่มาก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปมากพอควรแล้ว แต่ก็ยังได้รับแรงกดดันจาก Fund Flow ไหลออก เห็นได้จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากดดัน ซึ่งได้ขายทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น โดยไม่ได้ขายแต่เฉพาะในประเทศ แต่เป็นการขายทั่วทั้งเอเชีย เนื่องจากคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้เม็ดเงินโยกย้ายไหลกลับเข้าสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงเช้านี้ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งต่างก็รอดูการประชุมนอกรอบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับรัสเซียในวันศุกร์นี้ก่อน รวมไปถึงตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบพร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด
หุ้นเด่นวันนี้
– หุ้นพื้นฐานดีที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณใน MSCI รอบนี้มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ BJC และ KCE (มีผล 30 พ.ย. 2559) (ฟินันเซีย ไซรัส)
– MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้าปีหน้า 48 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/59 จะถูกกระทบชั่วคราวจากการไว้ทุกข์ แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2560 จากตลาดในประเทศที่จะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศคาดว่าจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายๆส่วน จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2559-2560 ที่คาดเติบโต 14.4% จากปีก่อนและ 20.2% จากปีก่อนตามลำดับ
– PTT (ยูโอบีฯ) “ซื้อ”เป้า 430 บาท คาดผลประกอบการในงวดไตรมาส 4/59 และ ครึ่งปีแรกของปี 60 จะยังคงอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวกจากราคาตุ้นทุนก๊าซฯที่ต่ำ และ คาด GRM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 59 เป็น 6.60-7.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในปี 60 ดังนั้นจึงมองว่ากำไรสุทธิปีหน้ามีโอกาสเติบโตเนื่องได้ราว 9% จากปีก่อนขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 8.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 13.1 เท่า
– IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) ได้ประโยชน์จากขาขึ้นรอบใหม่ของปิโตรเคมี ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหว่าในอดีตถึง 3 เท่า จะทำให้กำไรเร่งตัวขึ้นเร็ว หากส่วนต่าง (spread) กว้างขึ้น มีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ อาจได้รับผลดีหลังเลือกตั้ง