“หยวนต้าฯ”ปัดล้วงข้อมูลดึงพนง.-ลูกค้า ขู่ฟ้องคนบังอาจทำเสียชื่อ!

"หยวนต้าฯ" ปัดล้วงข้อมูลดึงพนักงาน-ลูกค้า"กิมเอ็งฯ" พร้อมยืนยันพนักงานสมัครใจร่วมงานเอง ขู่ฟ้องคนบังอาจทำเสียชื่อเสียง!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ยื่นฟ้องผู้บริหารของ บริษัทหลักทรัพย์หยอนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) รวมถึงอดีตผู้บริหารของ MBKET โดยกล่าวหาว่ามีการใช้ข้อมูลของ MBKET เพื่อดึงพนักงานไปร่วมงานกับ บล.หยวนต้า จำนวนมากและทำให้ลูกค้าย้ายบัญชีซื้อขายหุ้นตามพนักงานกลุ่มดังกล่าวจนส่งผลเสียหายกับ MBKET

โดยล่าสุด บล.หยวนต้า ชี้แจงว่า คำกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงและอยู่ระหว่างเตรียมฟ้องกลับกรณีถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้บริหารของบริษัททั้งหมดที่ถูกกล่าวหาโดย MBKET ไม่ได้มีการใช้ข้อมูลใดๆ เพื่อดึงพนักงานให้ย้ายมาทำงานที่บริษัท และส่งผลให้ลูกค้าของ MBKET ย้ายบัญชีซื้อขายหุ้นตามพนักงานกลุ่มดังกล่าวมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้กรณีการฟ้องร้องตามที่ระบุในข่าว บริษัทและผู้บริหารยังไม่ได้รับเอกสารหลักฐานใดๆ ตามที่อ้างถึง โดยผู้บริหารทุกคนพร้อมนำข้อเท็จจริงต่อสู้คดี ซึ่งบริษัทและทีมผู้บริหารทุกท่านขอยืนยันว่า จะไม่มีผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจ พนักงาน และลูกค้าแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ บริษัทได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับข้อกล่าวหาต่อบริษัทฯ และผู้บริหารในทางเสื่อมเสียนั้น บริษัทและผู้บริหารขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อไป”บล.หยวนต้า ระบุ

 

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจมาร่วมงานกับบริษัทของพนักงานกลุ่มดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของพนักงานเอง ซึ่งเกิดจากความมั่นใจในเทคโนโลยี เงินทุน การสนับสนุนของบริษัทแม่ (YUANTA SECURITIES ASIA FINANCIAL SERVICES LIMITED) ในประเทศไต้หวัน วัฒนธรรมขององค์กร รวมทั้งความผูกพัน ความเชื่อมั่น และศรัทธาในความสามารถของทีมผู้บริหารที่ได้ร่วมงานกันมากว่า 20 ปี

นอกจากนี้บริษัทยังมั่นใจว่าด้วยภาพลักษณ์ และความสามารถของทีมผู้บริหาร ประกอบกับแผนธุรกิจที่ชัดเจน เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการช่วยแนะนำ และให้ข้อมูลในการลงทุน (Artificial Intelligence) ที่ตอบสนองต่อนักลงทุน และพนักงานของบริษัทฯ ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และชัดเจน

รวมถึงแผนการพัฒนาให้มีสินค้า และบริการที่ครบถ้วน และการมีทีมงานที่ดี มีประสบการณ์ และคุณภาพ จะทำให้บริษัทสามารถแข่งขัน เติบโต และมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นได้ตามแผนงานที่วางไว้

ขณะเดียวกันบริษัท ทีมผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ยึดมั่นในการมีหลักธรรมาภิบาล และบริหารงานด้วยความสุจริตตลอดมา อีกทั้งบริษัทแม่ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจะทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยโดยได้อนุมัติการเพิ่มทุนของบริษัทจาก 1,500 ล้านบาท เป็น 4,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านเงินทุนในการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์ในเดือน ก.ค.60

โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงในอันดับต้นๆ ของบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำจุดยืนที่จะให้บริการด้านธุรกิจหลักทรัพย์อย่างครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่นำสมัย ตอบสนองความต้องการสูงสุดแก่ผู้ลงทุนจากแผนงานรวมทั้งโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AA(tha) จาก Fitch Ratings (Thailand)

Back to top button