
กกพ.ปรับเพิ่มค่าFt งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 อีก 8.87 สตางค์/หน่วย
กกพ. มีมติปรับเพิ่มค่าFt งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 ที่ 15.90 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดก่อน 8.87 สตางค์ต่อหน่วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.มีมติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 ที่ 15.90 สตางค์ต่อหน่วย ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 8.87 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ในการพิจารณาค่าเอฟทีครั้งก่อนที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ และมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าปีนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นด้วย
โดยสาเหตุหลักมาจาก สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ลดลงตามฤดูกาล และการใช้ถ่านหินที่ลดลงจากการหยุดบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าตามแผนในช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งปรับตัวสูงขึ้นโดยเป็นผลมาจากสัดส่วน LNG ที่เริ่มสูงขึ้น จากราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้า โดยที่มีค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนที่สูงกว่าประมาณการในรอบที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสะสมเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าช่วง พ.ค. – ส.ค. 60 (ปรับปรุงค่าจริงเดือน พ.ค. 60) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 34.31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 34.19 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่าขึ้น 0.12 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตามอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นจริงเฉลี่ยวันที่ 1-16 มิ.ย. 60
ขณะที่ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 เท่ากับ 61,420 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 เท่ากับ 4067 ล้านหน่วย คิดเป็น -6.21%
ด้านสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 63.64% รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว 12.63% ลิกไนต์ 9.14% และถ่านหินนำเข้า 7%
ทั้งนี้ในส่วนของแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงนั้น คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติรวมค่าผ่านท่อและค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้า กฟผ. และโรงไฟฟ้าเอกชน 245.64 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 3.80 บาทต่อล้านบีทียู ราคาน้ำมันเตาคงที่อยู่ที่ 13.27 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 20.04 บาทต่อลิตร ลดลงจากงวดปัจจุบันที่ปรับปรุงค่าจริงเดือน พ.ค. 60 ซึ่งอยู่ที่ 21.18 บาทต่อลิตร เท่ากับ 1.14 บาทต่อลิตร
รวมถึงราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,108.45 บาทต่อตัน ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 2,178.64 บาทต่อตันในงวดปัจจุบันที่ปรับปรุงค่าจริงเดือน พ.ค. 60 แล้ว เท่ากับ 70.19 บาทต่อตัน และราคาลิกไนต์ กฟผ. อยู่ที่ 693 บาทต่อตัน ไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามนโยบายของภาครัฐในส่วน Adder และ FiT ในเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,312.97 ล้านบาทในประมาณการงวดป้จจุบัน (ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560) มาอยู่ที่ 14,497.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184.10 ล้านบาท
โดยประกอบกับประมาณการจำนวนหน่วยไฟฟ้าในงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 จะลดต่ำลงจากช่วงปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อเทียบเป็นอัตราต่อหน่วยแล้วจะทำให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวในงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 60 ซึ่งอยู่ที่ 25.81 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น จากงวด พ.ค. – ส.ค. 60 ที่ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งอยู่ที่ 23.81 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับ 2.00 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ จากการปรับค่าเอฟทีเรียกเก็บงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งจากมติ กกพ. ดังกล่าวทางสำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 12 – 26 กรกฎาคม 2560 เวลา 12.00 น. ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป