THANI ตั้งสำรอง-ต้นทุนลด หนุนกำไร Q3 โตกว่า  2 เท่าตัว แตะ 301 ล้านบาท

THANI รายงานงบไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 300.62 ล้านบาท เติบโต 276% จากปีก่อน รับผลบวกจากเงินตั้งสำรองลดลงกว่า 62.81% และค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงเกือบ 19.84% เดินหน้ากลยุทธ์พอร์สินทรัพย์เติบโต เน้นคุณภาพพอร์ตสินเชื่อมากกว่าปริมาณ


บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิลดลง ดังนี้

สำหรับ THANI รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 300.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 79.79 ล้านบาท เป็นผลบวกมาจากการลดลงของเงินตั้งสำรองด้านเครดิตและค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง

ขณะที่ไตรมาส 3/2568 มีค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 237.10 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีจำนวน 163.45 ล้านบาท กับรายการค่าใช้จ่ายขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย 27.24 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 150.11 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมจำนวน 42,502.21 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 28,741.23 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 13,760.98 ล้านบาท

สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/2568 จำนวน 304.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 221.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 266.97 โดยมีรายได้รวมจำนวน 900.29 ล้านบาท ลดลง 123.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.04

อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 237.10 ล้านบาท ลดลง 58.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.84 กลับรายการค่าใช้จ่ายขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย 27.24 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 150.11 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 253.47 ล้านบาท หรือร้อยละ 62.81 ตามการลดลงของยอดปล่อย สินเชื่อเช่าซื้อ บริษัทยังคงเน้นย้ำกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินเชื่อใหม่มากกว่าปริมาณ

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 42,421.16 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 8,234.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.26 โดยบริษัทมีลูกหนี้สินเชื่อเข่าซื้อและเช่าทางการเงิน-สุทธิ จำนวน 38,873.13 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 7,845.19 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.79 และมีสินเขื่อเงินให้กู้ยืม 869.61 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 42.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.64 ซึ่งสินเชื่อทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.69 ของ สินทรัพย์รวม ในขณะที่หนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีจำนวน 28,702.81 ล้านบาท และ 13,718.35 ล้านบาท

เมื่อทำการเปรียบเทียบฐานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 ของปี 2568 กับไตรมาส 2/2568 ของปี 2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวมลดลงจำนวน 1,905.24 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.30 โดยมีลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อและเช่าทางการเงิน-สุทธิ ลดลง 1,645.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.06 และมีสินเชื่อเงินให้กู้ยืมลดลง 20.57 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.31 ในขณะที่หนี้สินรวมลดลงจำนวน 2,209.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.15 และส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจำนวน 304.18 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.27

Back to top button