
“บ้านธนารักษ์ฯพหลฯ11” ยังไม่ตาย! “แบคโฮ”โผล่รื้อที่ ส่อเหม็นโฉ่อีกรอบ
"บ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11" ยังไม่ตาย! "แบคโฮ" โผล่เคลียร์พื้นที่ ส่อแววเหม็นโฉ่ไม่จบสิ้น
สืบเนื่องจากกรณีที่ “โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ ซอย พหลโยธิน 11 เขตพญาไท กรุงเทพฯ ถูกกระแสการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ โดยมีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบสภาพแวดล้อม ปัญหาจราจร รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานโครงการนี้เกี่ยวกับการให้โอนสิทธิการก่อสร้าง
ส่งผลให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) สั่งให้มีการทบทวนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว เพราะอาจเกิดปัญหา รวมไปถึงอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐฯได้
ขณะที่ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังบริษัท จูโน่ ปาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับงานก่อสร้างและบริหารโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 แทนบริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน-คอนสตรัคชั่น ยาไถ่ (ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด หลังจากที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่งหนังสือข้อหารือของกรมธนารักษ์เกี่ยวกับการจัดระเบียบการจราจรของโครงการบ้านธนารักษ์ตามเทศบัญญติของกทม.
โดยกำหนดให้เพิ่มพื้นที่จอดรถ และพื้นที่จราจรมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนแปลงปรับลดขนาดของที่พักลงมากกว่า 10% ซึ่งจะกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นจึงคาดว่าบริษัทจูโน่อาจพิจารณายกเลิกสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 กับกรมธนารักษ์ได้ ซึ่งกรมธนารักษ์จะมีการพิจารณาหาที่ดินแปลงใหม่เพื่อก่อสร้างโครงการต่อไป ส่วนที่แปลงนี้ก็จะได้พิจารณาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นที่เหมาะสม
ด้าน ผู้แทนชมรมอนุรักษ์พญาไท เปิดเผยว่า หากกรมธนารักษ์ตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัทจูโน่ฯ อย่างละเอียดก็สามารถบอกเลิกสัญญาเองได้ เพราะการที่บริษัทจู่โน่ฯ รับโอนสิทธิมาจากบริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน-คอนสตรัคชั่น ย่าไถ่ (ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ผู้ชนะการประมูลตั้งแต่แรกก็น่าจะขาดคุณสมบัติ และเข้าข่ายผิดกฏหมายเกี่ยวกับความผิดการฮั่วประมูลตามที่สตง.เคยท้วงติงแล้ว
นอกจากนี้ที่สำคัญการเพิ่มทุนของบริษัทจูโน่ ที่เพิ่งมาเพิ่มภายหลังได้รับโอนสิทธิจากเดิม 1 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท จากเดิมนางปพิชญา โหสกุล ถือ 2 แสนหุ้น หุ้นละ 100 บาท นายพีระศักดิ์ โหสกุล ถือ 5 หมื่นหุ้น และนายชนินทร์ จึงโสภณวิทวัส เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 2.5 แสนหุ้น แต่ที่น่าสนใจคือ นางปพิชญา มีหุ้นที่เงินชำระแล้ว 7.5 หมื่นหุ้น และหุ้นที่ถือว่าชำระแล้ว 1.25 แสนหุ้น นายพีระศักดิ์ มีหุ้นที่เงินชำระแล้ว 5 หมื่นหุ้น ส่วนนายชนินทร์ มีหุ้นที่เงินชำระแล้ว 1.25 แสนหุ้น และหุ้นที่ถือว่าชำระแล้ว 1.25 แสนหุ้น
ทั้งนี้ หุ้นที่ถือว่าชำระแล้วคือไม่ใช่เป็นเงินสดชำระค่าหุ้น แต่เป็นการนำทรัพย์สินอื่นๆมาตีมูลค่า แล้วมาลงทุนในหุ้น อาทิ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรืออื่นๆ นั่นหมายความว่านางปพิชญาและนายชนินทร์ นำทรัพย์สินอื่นๆ มาตีมูลค่าเป็นหุ้นคนละ 1.25 แสนหุ้น หรือคนละ 12.5 ล้านบาท รวม 25 ล้านบาท หรือ 50% ของทุนจดทะเบียน
ดังนั้นจะถือว่าขัดเงื่อนไขการประมูลหรือทีโออาร์หรือไม่ เพราะคุณสมบัติสำคัญของบริษัทที่ดำเนินโครงการนั้น ทางกรมธนารักษ์กำหนดไว้ว่า เป็นนิติบุคคลตามกฏหมายไทยมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบบาท
โดยทุนจดทะเบียนดังกล่าวจะต้องเป็นทุนจดทะเบียนที่ได้ ชำระแล้ว แต่บริษัทจูโน่ฯ ยังมีหุ้นที่ถือว่าชำระแล้ว ถือ 50% ของทุนจดทะเบียนดังนั้น กรมธนารักษ์น่าจะบอกเลิกสัญญาได้” ผู้แทนชมรมอนุรักษ์พญาไทยกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ลงสำรวจพื้นที่พบว่า ขณะนี้ยังมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้ามาดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอย พหลโยธิน 11
โดยเป็นการใช้รถแบคโฮเข้ามาขุดเจาะพื้นที่แปลงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ทางกรมธนารักษ์จะได้ทำการส่งหนังสือไปยังบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโครงการดังกล่าวไปแล้ว และการดำเนินการโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐควรจะหยุดการดำเนินการจนกว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนก็ตาม