
กลุ่มรับเหมาฯรูดยกแผง วิตกประมูลงานล่าช้าหลังปรับ TOR ใหม่ ฟากโบรกฯแนะ“ซื้อสะสม”
กลุ่มรับเหมาฯรูดยกแผง วิตกประมูลงานล่าช้าหลังปรับ TOR ใหม่ โบรกฯแนะ “ซื้อสะสม” ชู Backlog เพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ณ เวลา 11.07 น. อยู่ที่ 16.30 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 3.55% สูงสุด 16.70 บาท ต่ำสุด 16.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 286.04 ล้านบาท
ด้าน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ราคาอยู่ที่ 25.75 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 2.83% สูงสุด 26.25 บาท ต่ำสุด 25.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 164.15 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ราคาอยู่ที่ 23.90 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.05% สูงสุด 24.20 บาท ต่ำสุด 23.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 346.94 ล้านบาท
อีกทั้ง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ราคาอยู่ที่ 3.96 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 1% สูงสุด 4 บาท ต่ำสุด 3.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 36.81 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลดลงเนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับการประมูลโครงการใหม่ๆ หลังจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ 23 ส.ค.60 จากเดิมให้อำนาจแต่ละหน่วยงานไปดำเนินการเอง เปลี่ยนเป็นรวมศูนย์ให้อยู่ใต้การพิจารณาของคณะกรรมที่ประกอบไปด้วยหน่วยงานราชการและเอกชน ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับ TOR ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า การปรับลดลงของกลุ่มรับเหมาฯในเช้าวันนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเพิ่ม โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มรับเหมายังไม่สามารถไปไหนได้ไกลคือการประมูลงานใหม่ที่ล่าช้า ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ไปเพียง 4 แสนล้านบาท ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับ Action Plan ทั้งหมด
นอกจากนั้นตลาดยังมีความกังวลการประมูลโครงการใหม่ๆ นับจากนี้จะล่าช้าออกไปอีกจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ 23 ส.ค.60 จากเดิมให้อำนาจแต่ละหน่วยงานไปดำเนินการเอง เปลี่ยนเป็นรวมศูนย์ให้อยู่ใต้การพิจารณาของคณะกรรมที่ประกอบไปด้วยหน่วยงานราชการและเอกชน ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับ TOR ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดว่ารัฐบาลได้เล็งเห็นถึงปัญหาการประมูลล่าช้ามาพอสมควรแล้ว น่าจะมีความพยายามในการแก้ปัญหาและเร่งผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมาก่อนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยเฉพาะ Action Plan ที่กระทรวงคมนาคมจัดทำขึ้นจะมีอีก 51 โครงการรวม 2.39 ล้านล้านบาท (แบ่งเป็นวงเงินจาก Action Plan ปี 2561 ที่ 1.27 ล้านล้านบาท และ 2560 อีก 1.02 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้การปรับลดลงของกลุ่มรับเหมาฯจากปัจจัยกดดันข้างต้น จึงยังคงมองเป็นโอกาสในการเข้าเก็บสะสม เพราะคาดว่าสถานการณ์การประมูลจะดีขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป และในระหว่างที่รอการประมูลโครงการใหม่ ๆ นั้น บรรดากลุ่มรับเหมาฯขนาดใหญ่ก็มี Backlog ที่มากเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไปอย่างน้อยอีก 2 ปี
โดยยังคงเลือก บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC), บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ. ช.การช่าง(CK) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาฯ โดย STEC แนะนำให้เข้าสะสมเพิ่มเมื่อราคาลงมาที่บริเวณ 23.80 บาท จะมี Upside จากราคาเป้าหมาย 30.50 บาท กว่า 28% โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2561-62 จะเติบโตขึ้น 47.2% and 28.3% มาอยู่ที่ 1.4 และ 1.8 พันล้านบาท ตามลำดับด้วยปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ 4 สาย, รถไฟทางคู่ 3 สาย, รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูและการเดินสายไฟฟ้าลงดิน โดยยอด backlog กำลังทำสถิติใหม่ที่ 1.14 แสนล้านบาท รองรับรายได้ไปได้ถึงปี 2563
ด้าน CK แนะนำให้เข้าสะสมเพิ่มเมื่อราคาลงมาที่บริเวณ 25 บาท มี Upside 44% จากราคาเป้าหมาย 36 บาท คาดกำไรในปี 2561-62 ไว้ที่ 1.8 และ 2.1 พันล้านบาทตามลำดับ โดย Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 7.86 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2561 CK จะมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่อย่างน้อยอีก 5.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ยอด Backlog พุ่งเกิน 1.3 แสนล้านบาท เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไปอีกอย่างน้อย 3 ปี
ขณะที่ UNIQ แนะนำให้รอซื้อเมื่อลงมาที่ 16.40 บาท ด้วยผลงานที่ผ่านมาของบริษัทและศักยภาพในการก่อสร้างที่ถูกจัดให้ติด 1 ใน 4 ของผู้รับเหมาฯรายใหญ่ที่สุดของประเทศ จะทำให้ UNIQ ได้ส่วนแบ่งงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ได้ไม่ยาก จุดเด่นของ UNIQ อยู่ที่ประสิทธิภาพการทำกำไรที่สูงที่สุด และ Valuation จาก Consensus ค่า Forward PER อยู่ที่ 17.6 เท่า ยังถือว่าถูกที่สุดในบรรดาบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ด้วยกัน