
JCKH เปิดแผนธุรกิจลดต้นทุน-ดันมาร์จิ้นพุ่ง มั่นใจปี 61 เทิร์นอะราวด์
JCKH เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 341 ล้านหุ้น ในราคา 1.30 บาท ระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ ผลักดันผลการดำเนินงานปี 61 พลิกเทิร์นอะราวด์
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH เปิดเผยว่า ในฐานะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีความพร้อมจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามจำนวน เพราะมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของ JCKH ยังมีอนาคตที่สดใส โดยขณะนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากผู้ถือหุ้นทุกคนเชื่อมั่นและใช้สิทธิเพิ่มทุนจะทำให้สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมาย ทำให้บริษัทมีเงินทุนสนับสนุนผลักดันให้บริษัทเทิร์นอะราวด์ได้
ทั้งนี้ JCKH ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 121.80 ล้านบาท เป็น 194.88 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 292.32 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยจัดสรรให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท ซึ่งมีกำหนดวันจองซื้อเพื่อชำระค่าหุ้นในวันที่ 18-22 มิถุนายน 2561 และอีกส่วนจำนวนไม่เกิน 48.72 ล้านหุ้น เสนอขายในคราวเดียวหรือแบ่งเป็นส่วนๆ ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
“เงินที่คาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มทุน RO ครั้งนี้ประมาณ 317 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 318 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่เพียง 1 ล้านบาท หนี้ต่อทุน ลดจาก 454 เท่า เหลือเพียง 1.6 เท่า และหากบริษัทฯ ได้รับเงินจากขายหุ้น PP อีก 63 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 381 ล้านบาท และจะทำให้หนี้ต่อทุนลดลงเหลือเพียง 1.3 เท่า ดังนั้นการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนและฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ และซื้อกิจการร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต” นายอภิชัย ระบุ
นอกจากนี้การที่บริษัทส่งทีมผู้บริหารใหม่ นำโดย นายโชติวิทย์ เตชะอุบล เข้ามาปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เริ่มตั้งแต่การรีแบรนด์ เพื่อโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และมีการเร่งลดต้นทุนและเพิ่มโปรโมชั่นใหม่ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มเติมร้านอาหารใหม่เข้าอีก 2-3 แบรนด์ โดยมีแผนจะเข้าซื้อกิจการร้านอาหารเพิ่ม รวมถึงมีการนำแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเข้ามา ทั้งอาหารจีน อิตาเลี่ยน และแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจปัจจุบันมั่นใจว่าในอนาคตจะมีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากปีที่ผ่านมาได้มีการปิดสาขาของร้านฮอท พอท สุกี้ชาบู ประมาณ 40 สาขา ทำให้ปัจจุบัน JCKH มีสาขาของ ฮอท พอท และแบรนด์อื่นๆ ภายใต้การบริหารรวม 102 แห่ง เพื่อลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนการผลิตอาหาร (food cost) และการเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคตจะต้องคำนึงถึงโลเคชั่นเป็นสำคัญ โดยจะเน้นเรื่องของการสร้างผลประกอบการที่ดีควบคู่กันไป ไม่ใช่มุ่งเน้นการขยายสาขาให้มีจำนวนมากอีกแล้ว
ภาพรวมผลประกอบการในปี 2561 คาดว่าจะฟื้นตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนหลังจากที่มีการปรับแผนกลยุทธ์ใหม่เข้ามา และจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

