EA แจงยังไม่เริ่มลงทุนโรงงานแบตฯนิคมบางปะกง ยันหากมีปัญหาพร้อมย้ายสร้างที่ใหม่

EA แจงยังไม่เริ่มลงทุนโรงงานแบตฯนิคมบางปะกง ยันหากมีปัญหาพร้อมย้ายสร้างที่ใหม่


สืบเนื่องจากจากกรณีข่าวการร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการจัดทำโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวนกว่า 2,000 ไร่ ดำเนินการอย่างไม่ถูกต้อง โดยนิคมฯ ดังกล่าวเป็นโครงการของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ล่าสุด EA ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้

1.โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ไม่ใช่โครงการของบริษัทฯ และบริษัทไม่ได้เข้าลงทุนแต่อย่างใด

2.บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเริ่มลงทุนในโครงการแบตเตอรี่ลิเที่ยมเฟสที่ 1 และไม่ได้รับผลกระทบจากการร้องเรียนที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดจนไม่สามารถพัฒนาขึ้นรองรับการเติบโตในระยะยาวภายในเวลาที่เหมาะสม บริษัทฯ ก็อาจพิจารณาย้ายที่ตั้งของโครงการแบตเตอรี่และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องไปยังพื้นที่อื่นต่อไป

 

อนึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเตรียมยื่นฟ้องคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองกลางในวันนี้ (4 ต.ค. 2561) เพื่อขอให้ศาลสั่งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องระงับหรือเพิกถอนการดำเนินการโครงการเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่รองรับการพัฒนา EEC ให้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากมีผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่จึงส่งผลให้นักลงทุนขายหุ้น EA เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงการลงทุนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากวงการพลังงาน เปิดเผยว่า กรณีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจะทำการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองการถือเป็นประเด็นที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนโครงการแบตเตอรี่ของ EA ทั้งสิ้น เนื่องจากในปัจจุบันโครงการนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมความพร้อมและเตรียมดำเนินการเท่านั้น

ดังนั้น หากกรณีที่ไม่สามารถทำการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ ทาง EA จะเลือกลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมแห่งอื่นแทน เพราะ EA ถือเป็นเพียงผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น และไม่ได้เป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม

ส่วนกรณีเรื่องการปรับถมที่ดิน หรือเรื่องการซื้อที่ดิน ที่ผ่านมาทางเกษตรกรได้เช่าที่ดินของเจ้าของที่ดิน เพื่อใช้ทำเกษตรกรรม ซึ่งเมื่อหมดสัญญาเช่าแล้ว ทางเจ้าของที่ดินไม่ได้ต่อสัญญา และได้นำที่ดินออกมาขาย ดังนั้น การที่ผู้ประกอบการเข้าไปปรับถมที่ดินหรือสร้างคลังเก็บสินค้าทุกอย่างล้วนทำอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และยังได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเงินอีกราย ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาทางเจ้าของที่ดินไม่ได้มีการต่อสัญญาเช่าและนำมาขายให้กับทางนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานกรรมการบริหาร EA และที่ผ่านมายังเคยมีการพูดคุยถึงการซื้อที่ดินข้างเคียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้อยู่อาศัยเดิมให้ด้วยเช่นกัน โดยขณะนี้ได้ใช้พื้นที่ในส่วนของเฟสแรกประมาณ 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อทำเป็นโกดังจัดเก็บ และยังอยู่ในขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์ และมีการพบปะกับทางหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหน่วยโยธา สาธารณสุข อนามัย

Back to top button