U เดินหน้าแผนล้างขาดทุนสะสม 905.50 ลบ. หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวลดทุน-ลดพาร์

U เดินหน้าแผนล้างขาดทุนสะสม 905.50 ลบ. หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวลดทุน-ลดพาร์


นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ U เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2561 อนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนเป็น 1,403,129,722,617 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียนเดิมที่ 1,682,739,052,821 บาท

พร้อมกับเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) โดยการรวมหุ้นจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 100 บาท ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทถือหุ้น 100 หุ้นเดิม เป็น 1 หุ้นใหม่ ซึ่งกระบวนการรวมหุ้นจะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ ทำให้ราคาพาร์เพิ่มเป็น 100 บาท/หุ้น จากเดิมที่ 1 บาท/หุ้น และราคาหุ้น U จะเปลี่ยนเป็น 3-4 บาท จากเดิมที่ 0.03-0.04 บาท/หุ้น และในช่วงปลายเดือนธ.ค. 61 จะมีการลดพาร์เป็น 3.20 บาท/หุ้น ซึ่งจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด

โดยการตัดสินใจรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนของ U บริษัทมีความตั้งใจพลิกฟื้นบริษัทกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทไม่เป็นเศษสตางค์ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนต่าง ๆ สามารถเข้ามาลงทุนใน U ได้ พร้อมกับเป็นการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 9.51 พันล้านบาทให้หมดไป ทำให้บริษัทสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายในการสร้างผลการดำเนินของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกปี เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของ U มีผลตอบแทนกลับคืนมา หลังจากที่บริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมาเป็นระยะเวลานาน

“เป้าหมายของผมก็อยากให้ U จ่ายปันผลได้ทุกปี เพราะถ้าไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ก็แสดงว่าบริษัทยังไม่แข็งแรง ผมก็ไม่อยากให้นักลงทุนหดหู่อีก และถ้าปีนี้ U มีกำไรเกิน 20 ล้านบาท ก็จะจ่ายเงินปันผลได้”นายคีรี กล่าว

ทั้งนี้ การเดินหน้าสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทผ่านการบริหารงานของทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันซึ่งมีความพยายามอย่างมากในการพลิกฟื้นบริษัททั้งจากการลงทุนใหม่ ๆ และการลงทุนในธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและและรับจ้างบริหารโรงแรม ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมร่วมกับบมจ.แสนสิริ (SIRI) และการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่พญาไท ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม และคอนโดมิเนียม โดยเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพบนจุดตัดของรถไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งจะเป็นโครงการที่สร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกันในอนาคตหากบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีโอกาสชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่จะเปิดประมูลในวันที่ 12 พ.ย. 61 ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อ U ด้วยเช่นกัน เพราะจะมีการลงทุนโครงการต่าง ๆ บริเวณรอบแนวรถไฟความเร็วสูงด้วย ซึ่งทาง BTS จะมีการเสนอแผนการลงทุนให้กับ U ร่วมลงทุนด้วย

ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขสัญญาของที่ดินร้อยชักสามนั้น ปัจจุบันสัญญาใหม่จากกรมธนารักษ์ทำใกล้แล้วเสร็จแล้ว คาดว่าจะลงนามสัญญาใหม่ไม่เกินสิ้นปี 61 โดยการพัฒนาโครงการในที่ดินดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคงจะไม่พัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 6-7 ดาว เพราะต้องใช้เงินลงทุนมูลค่าสูง

ด้าน นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร U เปิดเผยว่า การที่หุ้น U ไม่เป็นเศษสตางค์แล้ว จะทำให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศสนใจหุ้น U มากขึ้น และจะสามารถเข้ามาลงทุนในหุ้น U ได้ เพราะราคาหุ้น U หลังจากไม่เป็นเศษสตางค์แล้วจะไม่มีการเหวี่ยงเกิน 10% ต่อวัน ซึ่งเป็นระดับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เป็นนโยบายของนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่าง ๆ ที่จะเข้าลงทุนในหุ้นที่เหวี่ยงไม่เกิน 10% ต่อวัน เพราะราคาหุ้น U ในปัจจุบันที่เป็นเศษสตางค์อยู่มีการเหวี่ยงเกิน 20% ต่อวัน ทำให้ไม่มีนักลงทุนสถาบันอยากเข้ามาลงทุน

ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทจะเดินหน้าผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ปัจจุบันธุรกิจโรงแรม ที่พัฒนาและบริหารเองทั้งหมดมี 31 แห่ง จำนวน 5,200 ห้อง ทั้งในและต่างประเทศ โดยที่ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาได้เปิดโรงแรมใหม่ในเยอรมนี และในต้นปี 62 จะเปิดโรงแรมใหม่ในกรุงวอซอว์ ประเทศโปแลนด์ นอกจากนี้บริษัทยังมีการเซ็นสัญญารับจ้างบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศแล้ว 30 แห่ง จำนวน 15,000 ห้อง ซึ่งจะทยอยเข้าไปบริหารในช่วงปี 62-64 โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมที่บริหารเองและรับจ้างบริหารรวมทั้งสิ้น 61 แห่ง จำนวน 9,700 ห้อง

ส่วนธุรกิจพัฒนาและขายคอนโดมิเนียมร่วมกับแสนสิริ มีโครงการที่พัฒนาและขายแล้ว 27 โครงการ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการรับรู้กำไรเข้ามาแล้ว และยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการร่วมกับแสนสิริอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุน (REIT) ในยุโรป โดยนำสินทรัพย์บางส่วนที่เป็นโรงแรมของเครือเวียนนา เฮ้าส์ ที่บริษัทเข้าลงทุนนำจัดตั้งกองรีท เพื่อนำเงินมาใช้ชำระหนี้คืนหนี้ของกลุ่มเวียนนา เฮ้าส์ และนำเงินไปรองรับการลงทุนอื่นๆ แต่ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาในการจัดตั้งกองรีทดังกล่าวได้อย่างแน่นอน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา โดยปัจจุบันบริษัทจะต้องมีการแก้ปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่กลุ่มเวียนนา เฮ้าส์ ได้มีการกู้เงินเป็นสกุลเงินอื่น ๆ ที่ไม่ไช่สกุลเงินยูโร เพื่อลดปัญหาการขาดทุนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไขในตอนนี้

ส่วนแผนการเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนสถาบันต่างชาติขณะนี้ยังไม่ได้มีแผนที่แน่นอน ซึ่งอาจจะต้องรอให้กระบวนการลดทุนจดทะเบียนและรวมหุ้นดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนถึงจะพิจารณาอีกครั้ง ประกอบกับยังคงต้องทำผลการดำเนินงานของบริษัทให้ดีขึ้นต่อเนื่องก่อน โดยที่ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ยังไม่สามารถบอกได้แน่นอนว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้หรือไม่

ด้าน ราคาหุ้น บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U ล่าสุด ณ เวลา 15.12 น. อยู่ที่ 0.04 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 33.33% สูงสุดที่ 0.04 บาท ต่ำสุดที่ 0.03 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.66 ล้านบาท

โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า การรวมพาร์จะทำให้ราคาหุ้นในตลาดฯปรับขึ้นมาก่อน เช่น ราคาปิดตอนนี้เป็น 0.03 บาท ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาเป็น 3 บาท ทำให้จำนวนช่องการปรับขึ้น/ลงของราคาเพิ่มเป็น 0.02 บาท จากเดิม 0.01 บาท จึงคาดว่าจะทำให้การซื้อขายมีสภาพคล่องมากขึ้น ส่วนการจะลดพาร์ถัดมา ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะเกิดขึ้นราว ธ.ค.61จะไม่มีผลต่อราคาหุ้นแล้ว เพียงแต่เป็นการล้างขาดทุนสะสม ปูทางการจ่ายปันผลในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ แต่ราคาหุ้นที่ผ่านมาจะเหวี่ยงอยู่ระหว่าง 0.03-0.04 บาท เพราะเก็งกำไรเรื่องข้างต้น ก่อนที่จะมีเรื่องการรวมพาร์และลดพาร์จะเกิดขึ้นจริง และแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้น จากครึ่งแรกปี 61 ที่เป็นขาดทุนสุทธิ ตามที่เคยแจ้งไปตอนบอร์ดมีมติเรื่องนี้ไปก่อนหน้า

 

Back to top button