เปิดกลยุทธ์ลงทุนวันนี้ โบรกฯ ชู 9 หุ้นเด็ดมีปัจจัยบวกหนุน

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าตลาดหุ้นวันนี้ Side …


บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าตลาดหุ้นวันนี้ Sideway Down สำหรับประเด็นเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ และ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุม G20 กลับมาเป็นลบอีกครั้ง หลังจากทีมีกระแสข่าวว่า นาย ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาว ซึ่งมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน จะเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย ในขณะที่ปัจจัยบวกยังมาจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ

ด้านประเด็น Brexit ประเมินว่าจะกลับมามีน้ำหนักเป็นลบมากขึ้น โดยมีความเสี่ยงว่าอังกฤษจะต้องออกจาก EU ในแบบ worse case คือแบบ No-deal Exit โดยประเด็นนี้ต้องจับว่าในการประชุมวันที่ 11 ธ.ค. นี้ รัฐสภาอังกฤษ จะให้การรับรองหรือไม่?

ทั้งนี้ยังแนะนำให้จับตาประเด็นในระยะสั้น อย่างท่าทีการเจรจาการค้า สหรัฐฯ-จีน ที่อาจจะมีความชัดเจนก่อนการพบปะกันในที่ประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับ Oversold แต่ยังมีความหวังว่ากลุ่มโอเปกจะตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปี 2562 ลง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 6 ธ.ค.นี้เพื่อรักษาสมดุลให้กับตลาดน้ำมันดิบ

ส่วนประเด็นในประเทศอื่นๆ อาจเป็นลบเช่น Fund Flow  – นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สูงถึง 284,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากเม็ดเงิน LTF / RMF ที่ทยอยเข้ามาช่วงปลายปี รวมถึงสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุม กนง. ที่เสียงสนับสนุนให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3 เสียง (มติ 4:3) ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี (กน. ประชุม 19/12/61)

ด้านเงินบาทคาดมีความผันผวนตามกลุ่ม Emerging Market ภายใต้ความกังวล (1) ขาดดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัด (2) ภาระหนี้ต่างประเทศ และ (3) เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ พร้อมกับการส่งสัญญาณของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ทำให้ทิศทางเงินบาทและกลุ่ม Emerging มีแนวโน้มอ่อนค่าลง

ทั้งนี้ แนะติดตามประเด็นการเมือง ที่คาด Sentiment ดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้การปลด Lock พรรคการเมืองในช่วงเดือนธ.ค.61 และคาดการเลือกตั้งเป็นไปตาม Road Map (24/2/62)

และยังแนะจับตา

(1) กลุ่มธนาคาร จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KTB

(2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น, PTTEP และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่รายได้มีความมั่นคง เช่น BGRIM, GULF

(3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจากโครงการ EEC เช่น AMATA

(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนเช่น STEC, SEAFCO

Back to top button