
ตลาดยุโรปเปิดลบ วิตกค่าเงินปอนด์แข็ง-หุ้นสหรัฐฯรูดหนัก
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบ วิตกค่าเงินปอนด์แข็งค่า-หุ้นสหรัฐฯรูดหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเปิดตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงอยู่ในแดนลบในวันนี้ (5 ธ.ค.) หลังดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเกือบ 800 จุด
โดยนักลงทุนมีความไม่แน่ใจต่อแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่มีข่าวว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้าฝ่ายสหรัฐ โดยนายไลท์ไฮเซอร์นับเป็นผู้ที่มีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน
ทั้งนี้ STOXX 600 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 354.34 จุด ลดลง 4.30 จุด หรือ -1.20% ด้านดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเปิดปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6,939.00 จุด ลดลง 83.76 จุด หรือ -1.19% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันอยู่ที่ระดับ 11,196.51 จุด ลดลง 138.81 จุด หรือ -1.22% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,946.15 จุด ลดลง 66.50 จุด, -1.33%
โดยประเด็นที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องจาก นักลงทุนยังไม่มั่นใจผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่เคยออกมาประกาศร่วมกันให้ชัดเจนว่าได้ตกลงกันอะไรไว้บ้างนอกรอบการประชุม G20 เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรู้เพียงแค่ว่าปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเห็นพ้องให้เลื่อนกำหนดเวลาที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อการนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก 90 วัน จากกำหนดเดิมในวันที่ 1 ม.ค.2562 เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจายุติข้อพิพาทการค้าระหว่างกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนยังมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินปอนด์ เพราะดัชนี FTSE 100 มีบริษัทข้ามชาติเป็นจำนวนมาก และยอดขายของบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปสกุลเงินอื่น การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงจะทำให้บริษัทกลุ่มนี้มีรายได้ลดลงเมื่อนำกลับประเทศ
โดยเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังนายมานูเอล แคมโปส ซานเชส-บอร์โดนา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) กล่าวว่า อังกฤษควรได้รับอนุญาตให้สามารถดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวในการยกเลิกกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)