AGE บวก 4% ปักธงรายได้ธุรกิจโลจิสติกส์ปี 62 โต10% เล็งขยายท่าเรือเพิ่ม หนุนผลงานปีนี้สดใส

AGE บวก 4% ปักธงรายได้ธุรกิจโลจิสติกส์ปี 62 โต10% เล็งขยายท่าเรือเพิ่ม หนุนผลงานปีนี้สดใส โดย ณ เวลา 14.53 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 1.08 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ระดับ 1.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.54 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ณ เวลา 14.53 น. อยู่ที่ระดับ 1.08 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ระดับ 1.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.54 ล้านบาท

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร AGE เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผนการขยายการลงทุน ในธุรกิจโลจิสติกส์ ด้านขนส่งทางน้ำและทางบก

รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า มากขึ้น เนื่องจากมองว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีมาร์จิ้นที่ดี ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมบริษัทฯ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ ให้มีศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน แบบมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจโลจิสติกส์ ในปี 2562 ที่ 10% หรือประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ของรายได้รวมทั้งปี 9,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK มูลค่า 342.40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการต่อเรือลำลียง จำนวน 16 ลำ  หรือสามารถมีขนาดระวางบรรทุก รวม 41,600 ตัน สำหรับขนส่งถ่านหินของบริษัทฯ และให้บริการขนส่งทางน้ำ แก่ลูกค้าภายนอก ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการสั่งต่อเรือ และคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ทั้งหมดในปี 2563 ส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนกองเรือลำลียง เพิ่มขึ้นเป็น จำนวน 40 ลำ จากปี 2562 ที่มีเรือลำเลียง จำนวน 24 ลำ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายท่าเรือ รองรับการขนส่งสินค้าเพิ่มเป็น 3 ท่า จากปัจจุบันมีการให้บริการอยู่ จำนวน 2 ท่า โดยท่าเรือที่ 3 อยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตร 4/2562 เพื่อรองรับการให้บริการเรือลากจูง ที่เพิ่มขึ้นตามแผนการส่งมอบเรือในช่วงปี 2563 อีกด้วย

“สาเหตุที่ บริษัทฯ หันมาลงทุนในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้าเพิ่มขึ้น มองว่าเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบของการให้บริการแบบครบวงจรมากขึ้น บนพื้นที่ 300 กว่าไร่ ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีทั้งลานเก็บกองถ่านหิน ท่าเรือ ที่สามารถรองรับการขยายการลงทุนได้อีกจำนวนมาก

โดยในปัจจุบันประเทศไทย มีความต้องการใช้เรือลำเลียง เพื่อขนส่งสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ปุ๋ย นอกเหนือจากถ่านหิน ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีการนำเข้าผ่านการขนส่งทางแม่น้ำประมาณ 30 ล้านตัน” นายพนม กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากหลายๆ ด้าน ทั้งปัจจัยเศรษฐกิจ การแข่งขัน แต่บริษัทฯ ก็ยังคงรักษาระดับมาตรฐาน รวมถึงยังคงเน้นเจาะตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม และกัมพูชา อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ มียอด ออเดอร์ถ่านหินที่รอการส่งมอบให้กับลูกค้าอีกกว่า 1 ล้านตัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ ในปีนี้ที่ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากจากการจำหน่ายถ่านหินต่างประเทศ 20% ในประเทศจะอยู่ที่ 70% จากเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 4 ล้านตัน และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า ประมาณ 10%

Back to top button