จับตา 3 วาระร้อน ประชุมสภาสมัยวิสามัญ หาทางออกประเทศ 26-27 ต.ค.นี้

จับตา 3 วาระร้อน ประชุมสภาสมัยวิสามัญ รัฐบาลเสนอขอความเห็นสภาหาทางออกประเทศ 26-27 ต.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 26-27 ตุลาคม 2563 ตามรายละเอียดหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งถึงประธานรัฐสภา เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ได้ระบุ 3 หัวข้อที่สมควรฟังความเห็นของรัฐสภา ดังนี้

1.การพิจารณายกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศดังกล่าว เพื่อผ่อนคลายมาตรการห้ามหรือควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันพบว่าสถานการณ์ติดเชื้อจากทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันพบว่าประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเดินทางเข้าประเทศทุกวัน อีกทั้งพบการชุมนุมในกทม. และต่างจังหวัดที่มีการแออัดประชิดตัวบ่อยครั้งประกอบมีฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายจังหวัด ทำให้ฝ่ายสาธารณสุขกังวลต่อการระบาดของโรคได้ง่าย

2.การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่พบกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนขวางทางและหยุดขบวนเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปตั้งเปรียญ ที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และการพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ล้อมรถพระที่นั่งและตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคาย แสดงอาการไม่สมควรและเป็นการคุกคามเสรีภาพของผู้อยู่ในขบวนเสด็จฯ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลจึงออกประกาศประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กทม. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 04.00 น.

3.สถานการณ์การชุมนุมตามจุดต่างๆ เช่น สี่แยกราชประสงค์, สี่แยกปทุมวัน, ศูนย์กลางธุรกิจการค้า และสถานีขนส่งผู้โดยสาร ที่มีความวิตก จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อย คมนาคมและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์และควบคุมบุคคลบางคนในกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีบทบาทยุยงและก่อให้เกิดการกระทำความผิด แต่การชุมนุมยังมีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้การชุมนุมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ปล่อยตัวบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งข้อเรียกร้องบางข้ออยู่ระหว่างดำเนินการ

การชุมนุมบางครั้งบางแห่งจะเรียบร้อย แต่บางแห่งยังพบการจาบจ้วงบุคคลอื่น ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์อันเป็นทรัพย์สินของทางราชการและก่อให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ทำผิดกฎหมายและไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายของเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ทั้งน่าวิตกว่าอาจมีบางฝ่ายแฝงตัวฉวยโอกาสใช้อาวุธก่อความปั่นป่วนวุ่นวาย และมีฝ่ายที่เห็นต่างได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ออกมาตอบโต้ ต่อต้าน จนเป็นการปะทะกันและเกิดจราจลในบ้านเมือง

สำหรับเวลาที่ใช้ในการประชุมวันแรกนั้น จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 – 22.00 น. หรือ 12 ชั่วโมง 30 นาที และจะเป็นการประชุมโดยเปิดเผย ไม่มีประชุมลับ และไม่มีการลงมติ

Back to top button