“เทสโก้ฯ” เล็งนำเงินกว่า 2 แสนลบ. จ่ายปันผลผู้ถือหุ้น หลังปิดดีลขายกิจการให้ “ซีพี”

"เทสโก้ฯ" เล็งนำเงินกว่า 2 แสนลบ. จ่ายปันผลผู้ถือหุ้น หลังปิดดีลขายกิจการให้ "ซีพี"


รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน สหราชอาณาจักร ระบุว่า TESCO UK ได้แจ้งว่า  บริษัท ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้เห็นชอบเงื่อนไขการซื้อขายเทสโก้สโตร์ในไทยและมาเลเซียแล้ว โดยจะแจ้งข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อธุรกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายได้เสร็จสิ้นในวันที่ 18 ธันวาคมนี้

มร. Ken Murphy ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TESCO UK  เปิดเผยว่า กระบวนการขายธุรกิจจะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆ นี้  ขอขอบคุณเพื่อนพนักงานในไทยและมาเลเซียที่ได้ทำหน้าที่ในเอเชียอย่างยอดเยี่ยมมานานกว่า 20 ปี ได้สร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่ประสบวิกฤติโควิด-19  และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ากิจการ TESCO ภายใต้เจ้าของธุรกิจใหม่จะเติบโตก้าวหน้า เนื่องจากเครือซีพีเป็นธุรกิจชั้นนำในไทย มีประสบการณ์ในตลาดทั่วภูมิภาคเอเชีย และยังมีความเชี่ยวชาญรวมถึงประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก  สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จในอนาคต

การขายธุรกิจในเอเชีย จะทำให้สามารถโฟกัสกับธุรกิจและบริการลูกค้าในทวีปยุโรป และจะทำให้กลุ่มเทสโก้สามารถปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและเติมเงินจำนวน 2,500 ล้านปอนด์เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนเกษียณอายุพนักงานได้” ซีอีโอ TESCO UK ระบุถ้อยแถลงนี้ในเอกสารที่สื่อสารถึงพนักงาน TESCO UK

สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า บริษัทเทสโก้ในอังกฤษ มีแผนจะนำเงิน 6,600 ล้านดอลลาร์ (1.98 แสนล้าน) ที่ได้จากการขายกิจการให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) คืนให้แก่บรรดาผู้ถือหุ้นเทสโก้  และส่วนที่เหลือจะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจธุรกิจค้าปลีกที่มุ่งเน้นเฉพาะตลาดอังกฤษและในยุโรปเท่านั้น แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 และมาประสบกับอุปสรรคในไทยที่การซื้อขายนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. ทำให้ TESCO UK หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ทันทีที่คณะกรรมการ กขค.จากไทยมีมติให้ควบรวมกิจการได้ TESCO UK จึงเหมือนยกภูเขา ออกจากอก รอเพียงแต่ให้ทางเครือซีพีพิจารณาเงื่อนไข 7 ข้อที่กำหนดไว้ในมติ กขค. ซึ่งมาถึงวันนี้เป็นที่ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าซีพีได้เห็นชอบการซื้อขาย TESCO UK จึงถือได้ว่าเป็นข่าวดีทั้งกับผู้ถือหุ้นของเทสโก้อังกฤษที่ได้รับเงินปันผล และพนักงานที่จะได้รับประโยชน์ อีกกว่า 2,500 ล้านปอนด์เข้าสู่กองทุนบำนาญของบริษัท

ทั้งนี้ TESCO UK เป็นเจ้าของกิจการค้าปลีกรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ค้าปลีกใหญ่อันดับสองของโลก  มีกิจการค้าปลีกภายใต้ชื่อ TESCO กระจายอยู่ทั่วโลก  ทั้งนี้ TESCO ประสบวิกฤติมาตั้งแต่ปี 2557 ผลประกอบตกต่ำ กำไรหดหาย เนื่องจากคู่แข่งทำต้นทุนได้ถูกกว่า จนต้องทยอยปิดสาขาที่กระจายอยู่ทั่วโลก และต่อมาเพื่อผู้บริโภคมีพฤติกรรมซื้อขายออนไลน์มากขึ้น TESCO UK ก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น

ส่วนยอดขายล่าสุดของ TESCO ทั่วโลก สิ้นสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 อยู่ที่ 56.5 พันล้านปอนด์ ( £56.5 bn) มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลกประมาณ 6,707 แห่ง มีพนักงานกว่า 450,000 คน

โดยในปี 2553 ขายกิจการในฝรั่งเศส ปี 2556 ขายกิจการในจีน ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา  ปี 2558 ขายกิจการในเกาหลีใต้ ปี 2559 ขายกิจการในตรุกี ปี 2563 ขายกิจการในโปแลนด์ ไทย และมาเลเซีย

 

Back to top button