จับตาโควิดรอบใหม่ ปัจจัยเสี่ยงฉุดดัชนีเชื่อมั่นอนาคต ศก.ภูมิภาค หลังทยอยพลิกฟื้นต่อเนื่อง

สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค เดือน ธ.ค.63 ฟื้นต่อเนื่องในทุกภาค แต่ยังต้องจับตา “โควิด” รอบใหม่ ปัจจัยเสี่ยงส่งผลกระทบความเชื่อมั่น


นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (RSI) ประจำเดือน ธ.ค.63 พบว่า ดัชนี RSI ดีขึ้นต่อเนื่องในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมของภาคใต้ และภาคบริการของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ดี ยังมีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โคิด-19) ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 66.7 แสดงถึงการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจัยสนับสนุนของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยในภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะมีการขยายตัวของโรงงานและเงินลงทุน รวมทั้งมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาคบริการได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 64.8 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่สามารถขยายตัวได้โดยมีภาคบริการและภาคการจ้างงานเป็นปัจจัยสนับสนุน เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลายมาตรการไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่งและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ในส่วนของภาคการจ้างงานคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานและเวลาในการทำงานมากขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 63.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงมาตรการภาครัฐในการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกและให้ความช่วยเหลือด้านราคาสินค้าของเกษตรกร อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมยังได้แรงสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการของรัฐบาล

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตก อยู่ที่ 57.8 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ ดีขึ้น โดยมีภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก โดยในส่วนของภาคเกษตรคาดว่าภาครัฐจะมีนโยบายสนับสนุนภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะรับได้ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้มีความต้องการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคกลาง อยู่ที่ 53.1 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมซึ่งได้รับปัจจัยบวกจาก การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จึงทำให้มีการใช้จับจ่ายใช้สอยและยอดการสั่งซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 52.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคเกษตร เนื่องจากยังอยู่ในช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด ทำให้มีวัตถุดิบป้อนโรงงาน อย่างไรก็ตาม ภาคการลงทุนมีแนวโน้มชะลอตัวจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลให้มีการเลื่อนการจัดประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน และการยกเลิกจองห้องพักของกลุ่มนักท่องเที่ยว

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 50.9 สะท้อนภาวะอนาคตเศรษฐกิจที่ทรงตัวโดยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดข้างเคียงที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

Back to top button